คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9319/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบให้ภริยาจำเลยเป็นผู้กรอก วัน เดือน ปี และจำนวนเงินในเช็คดังกล่าวด้วยความยินยอมเห็นชอบของจำเลย กรณีต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คพิพาทดังกล่าว เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 14 กระทง จำคุก 14 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์นำสืบว่า โจทก์มีอาชีพค้าขายเพชรโดยซื้อสินค้ามาแล้วให้นางสุพัตรา พี่สาวร่วมบิดามารดาเดียวกันรับไปขาย การชำระค่าสินค้าโจทก์ยอมให้ผ่อนชำระค่าสินค้าโดยคำนวณราคาสินค้าแล้วแบ่งชำระเป็นงวด ๆ เท่า ๆ กันโดยนางสุพัตรานำเช็คของจำเลยซึ่งเป็นสามีของนางสุพัตรามาชำระให้ เช็คได้ลงรายละเอียดไว้ครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงได้ทำบันทึกไว้โดยได้ลงลายละเอียดเลขที่เช็ค วันที่ลงในเช็ค จำนวนเงินและธนาคารตามเช็คไว้ในบันทึกดังกล่าว แล้วให้นางสุพัตราลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับสินค้า การค้าขายระหว่างโจทก์และนางสุพัตราในช่วงแรก ๆ เช็คที่นางสุพัตรานำมาชำระหนี้นั้นสามารถเรียกเก็บเงินได้ ต่อมามีปัญหาเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้บางฉบับในการซื้อขายแต่ละครั้งตามรายการในเอกสารและเช็คพร้อมใบคืนเช็ค นอกจากนี้โจทก์มีนายวิรุณ เป็นพยานเบิกความสนับสนุนว่าพยานประกอบอาชีพเปิดร้านขายเพชร โจทก์เป็นลูกค้ามาซื้อเพชรที่ร้านของพยานนำไปขายต่อ ส่วนจำเลยมีนางสุพัตรามาเบิกความว่า โจทก์มีอาชีพปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด นางสุพัตราเป็นผู้หาลูกค้าผู้กู้มาให้ เมื่อได้รับเงินกู้จากโจทก์แล้วนางสุพัตราจะนำไปให้ลูกค้าโดยจะเรียกดอกเบี้ยจากลูกค้าในอัตราเท่าใดก็ได้ และนางสุพัตราจะได้ประโยชน์จากส่วนต่างของดอกเบี้ยนั้น โดยการกู้ลูกค้าต้องนำโฉนดที่ดินหรือทะเบียนรถมาวางค้ำประกันไว้และนางสุพัตราจะต้องออกเช็คตามจำนวนเงินที่ลูกค้ากู้ยืมไปรวมกับดอกเบี้ยเพื่อค้ำประกันหนี้ดังกล่าว แต่เนื่องจากนางสุพัตราไม่มีเช็ค จึงนำเช็คพิพาทตามฟ้องของจำเลยไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ดังกล่าวแทน นางสุพัตราไม่เคยเห็นและไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารดังกล่าว เห็นว่า เมื่อพิจารณาลายมือชื่อนางสุพัตราในบันทึกเปรียบเทียบกับลายมือชื่อที่นางสุพัตราเขียนต่อหน้าศาลแล้ว มีลีลาการเขียนและลายเส้นคล้ายคลึงกันเชื่อว่าลายมือชื่อผู้รับสินค้า เป็นลายมือชื่อของนางสุพัตราจริง เอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดของสินค้าที่ซื้อขายกัน รายละเอียดของเลขที่เช็ค วันเดือนปีและจำนวนเงินตามเช็คแต่ละฉบับ ซึ่งเมื่อรวมแล้วเท่ากับราคาสินค้าที่ซื้อขายกัน อันเป็นพยานหลักฐานที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างได้ว่าโจทก์ส่งมอบสินค้าประเภทเครื่องประดับเพชรชนิดต่าง ๆ กันให้นางสุพัตราไปและเนื่องจากนางสุพัตราและโจทก์เป็นพี่น้องกันโจทก์จึงมีความไว้เนื้อเชื่อใจนางสุพัตรา โจทก์จึงไม่ได้เก็บหลักฐานการซื้อขายไว้ พยานหลักฐานโจทก์พังได้ว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาทมีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย การที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบให้นางสุพัตราภริยาจำเลยเป็นผู้กรอกวัน เดือน ปี และจำนวนเงินในเช็คดังกล่าวด้วยความยินยอมเห็นชอบของจำเลย กรณีต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คพิพาทดังกล่าว เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share