แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานเขตภายใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าเขตซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยนัยแห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 28 จัตวา(2)หัวหน้าเขตย่อมมีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 1ให้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินภายในเขตท้องที่และถือว่าจำเลยที่ 1เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเสมียนสัสดี เมื่อจำเลยที่ 1 เรียกและรับเงินจากบรรดาทหารกองเกินผู้ได้รับหมายเรียกให้เข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการเป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือมิให้ต้องเข้ารับการตรวจเลือกและไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ จำเลยที่ 1 ย่อมมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 157, 251, 252, 264, 265, 268, 91, 83พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 45 พระราชบัญญัติรับราชการทหาร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2516 มาตรา 11 ริบเงินจำนวน300,000 บาท และใบรับรองผล (แบบ สด.43) ของกลางส่วนของกลางอื่นคืนเจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 วางโทษจำคุก 4 ปีให้ริบหนังสือรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (แบบ สด.43) ซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น ส่วนเงินสด300,000 บาท ไม่ริบ ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปีรวม 11 กระทง จำคุก 55 ปี และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252ประกอบมาตรา 251 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษตามมาตรา 251 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 5 ปี รวมโทษทุกกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 50 ปี ริบเงินของกลางจำนวน 300,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497เพราะอำนาจและหน้าที่ดังกล่าวเป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ซึ่งแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 28 ทวิและกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 (พ.ศ. 2516) ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 โดยมีนายทหารสัญญาบัตรที่มียศไม่ต่ำกว่าพันโทเป็นประธานกรรมการและประกอบด้วยคณะบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามกฎหมายที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการจำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากหัวหน้าเขตยานนาวา ให้มีหน้าที่ช่วยเหลือการตรวจเลือกทหารกองเกินส่งเข้ากองประจำการปี 2527 ในท้องที่เขตยานนาวา จึงมิได้เป็นเจ้าพนักงานตามนัยแห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 กับมาตรา 157 ย่อมไม่มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามฟ้องนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1นำสืบรับว่าขณะเกิดเหตุคดีนี้จำเลยที่ 1 รับราชการในตำแหน่งเสมียนสัสดีเขตยานนาวา ซึ่งมีหัวหน้าเขตยานนาวาเป็นผู้บังคับบัญชา และหัวหน้าเขตยานนาวาได้มีคำสั่งเขตยานนาวาที่ 32/2527 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2527 แต่งตั้งให้จำเลยที่ 1เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือการตรวจเลือกทหารกองเกินส่งเข้าเป็นทหารกองประจำการปี 2527 โดยมีหน้าที่จัดสถานที่ ตลอดจนจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการตรวจเลือกและจัดสถานที่ จัดเอกสารเกี่ยวกับการตรวจเลือกให้คณะกรรมการตรวจสอบได้ในวันทำการตรวจเลือกและประชาสัมพันธ์ให้ทหารกองเกินที่เรียกมาตรวจเลือกนำหลักฐานที่ต้องการตรวจสอบมาให้ครบ แนะนำเกี่ยวกับการตรวจเลือกการเก็บรักษาใบรับรองผล (แบบ สด.43) และโทษการหลีกเลี่ยงการตรวจเลือกการสับเปลี่ยนตัวผู้อื่นเข้ารับการตรวจเลือกแทนตนซึ่งมีความผิดตามกฎหมายและเรื่องอื่น ๆ ที่เห็นสมควร ตามสำเนาเอกสารหมาย จ.40 ก็เท่ากับจำเลยที่ 1 รับว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานเขตยานนาวาภายใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าเขตยานนาวา เมื่อหัวหน้าเขตยานนาวาเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 โดยนัยแห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497 มาตรา 28 จัตวา (2) หัวหน้าเขตยานนาวาย่อมมีอำนาจออกคำสั่งตามสำเนาคำสั่งเขตยานนาวา เอกสารหมาย จ.40แต่งตั้งจำเลยที่ 1 ให้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ช่วยเหลือคณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินภายในท้องที่เขตยานนาวาส่งเข้าเป็นทหารกองประจำการปี 2527 ได้ และถือว่าจำเลยที่ 1เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเสมียนสัสดีเขตยานนาวา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตามปกติอีกหน้าที่หนึ่ง ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1เรียกและรับเงินจากบรรดาทหารกองเกินผู้ได้รับหมายเรียกให้เข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการปี 2527เป็นการตอบแทนในการที่จำเลยที่ 1 รับจะทำการช่วยเหลือมิให้บรรดาทหารกองเกินเหล่านั้นต้องเข้ารับการตรวจเลือกและไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการปี 2527 รวม 11 ครั้งจำเลยที่ 1 ย่อมมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 รวม 11 กรรม ดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา
ส่วนข้อหาความผิดฐานใช้ดวงตราและเอกสารปลอมนั้นจะปักใจเชื่อว่าดวงตราดังกล่าวเป็นดวงตราปลอมย่อมไม่ถนัดนักจึงลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหาความผิดฐานใช้ดวงตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252 ประกอบด้วยมาตรา 251 ดังที่โจทก์ฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายังไม่ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 มาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265เรียงกระทงลงโทษ ข้อหาความผิดตามมาตรา 149 จำเลยที่ 1กระทำความผิดตามฟ้องรวม 11 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปีเป็นจำคุก 55 ปี ข้อหาความผิดตามมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 จำคุก 4 ปี รวมทุกกระทงความผิดจำคุก 59 ปี เนื่องจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 เกิน 50 ปี อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(3) คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 50 ปี ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251 และ 252นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์