แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่1มีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดิน2แปลงโดยมีเจตนาที่จะใช้ที่พิพาททั้ง 2 แปลงนี้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันเพราะต่างมีที่ดินอยู่ติดเข้าไปข้างในโดยจำเลยที่1มีที่ดินอีกแปลงหนึ่งใช้ทำบ้านจัดสรรอยู่ชิดไปด้านทิศตะวันออกการที่จำเลยที่ 1 ทำถนนคอนกรีตบนที่พิพาทเพื่อเข้าสู่ที่ดินของจำเลยที่ 1 เป็นไปตามเจตนาเดิมของคู่กรณีที่จะใช้เป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันนอกจากจะไม่เสียหายแล้วยังกลับจะมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นส่วนการปักเสาไฟฟ้าและวางท่อประปาก็ได้ทำชิดติดเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ด้านทิศตะวันออกไม่มีส่วนใดกีดขวางทางเข้าออกซึ่งโจทก์ที่ 1 รับว่าไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตัวทรัพย์การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการใช้ทรัพย์สินในทางขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของรวมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เข้าไปปักเสาไฟฟ้าและวางน้ำประปาตามคำขอของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามเช่นกัน จำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากโครงการของจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิใช้ถนนคอนกรีตออกสู่ทางสาธารณะได้โดยอาศัยข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 ที่ว่าต่างยินยอมให้เจ้าของที่ดินทั้งสองฝ่ายที่อยู่สองข้างทางใช้ที่พิพาทออกสู่ทางสาธารณะได้โดยให้สัญญาดังกล่าวมีผลผูกพันผู้ที่ซื้อที่ดินต่อไปด้วยการกระทำของจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสามกับจำเลยที่1มีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดิน 2 แปลงคือที่ดินตามโฉนดเลขที่ 36513 และ 35987 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมีเจตนาที่จะใช้ที่ดิน 2 แปลงนี้เป็นทางสัญจรเข้าออกร่วมกัน ทั้งนี้เพราะโจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 ต่างก็มีที่ดินของตนเองอยู่คนละข้าง จำเลยที่ 1 ได้ทำการจัดสรรที่ดินของตนเองที่อยู่ทางทิศตะวันออกของที่ดินกรรมสิทธิ์รวมทั้งสองแปลงแล้วขายบ้านพร้อมที่ดินให้แก่จำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 จากนั้นจำเลยที่ 6ถึงที่ 20 พร้อมด้วยบริวารได้เข้าอยู่อาศัยและใช้สัญจรที่ดินกรรมสิทธิ์รวมทั้ง 2 แปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ทั้งสาม ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ติดต่อจำเลยที่ 3 ทำการปักเสาไฟฟ้าและเดินสายไฟฟ้าและติดต่อให้จำเลยที่ 5 ทำการวางท่อประปาไปยังบ้านจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ผ่านที่ดินกรรมสิทธิ์รวมทั้งสองแปลงดังกล่าว โดยไม่ขออนุญาตจากโจทก์ทั้งสามซึ่งจำเลยที่ 2 และที่ 4 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 3 และที่ 5 การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งยี่สิบเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม โจทก์ทั้งสามบอกกล่าวให้จำเลยทั้งยี่สิบระงับการกระทำแล้วแต่จำเลยทั้งยี่สิบเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รื้อถอนเสาไฟฟ้าออกจากที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมตามฟ้องโฉนดเลขที่ 36513 และ 35987 ทันทีหากไม่รื้อถอนโจทก์ทั้งสามขอถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนารื้อถอนโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 รื้อท่อประปาที่วางผ่านที่ดินกรรมสิทธิ์รวมตามฟ้องทันทีหากไม่รื้อถอน โจทก์ทั้งสามขอถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนารื้อถอน โดยจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้จำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 พร้อมทั้งบริวารงดใช้สัญจรไปมาในที่ดินกรรมสิทธิ์รวม
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าตามคำฟ้องจำเลยที่1เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับโจทก์มีสิทธิใช้ที่ดินได้การวางท่อประปาและสายไฟฟ้าผ่านที่ดินเป็นการบำรุงรักษาไม่ใช่การใช้ทรัพย์สินที่ขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ดำเนินการตามที่จำเลยที่ 1 ขอให้ทำจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ไม่ปรากฏว่ากระทำการใดเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสามไม่เป็นการละเมิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสาม
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามและดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 1 และโจทก์ทั้งสามถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 36513 และ 35987 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เดิมก่อนที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 จะจดทะเบียนถือกรรมสิทธิ์รวมโจทก์ทั้งสาม และนายสมชายเจียรนัยพานิชย์ได้ทำบันทึกข้อตกลงในสัญญาแลกเปลี่ยนและใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินดังกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันจะใช้ประโยชน์เพื่อเป็นทางเข้าออกร่วมกันเพื่อไปยังที่ดินทั้งสองฝ่ายซึ่งอยู่ข้างทางดังกล่าวการที่จำเลยที่ 1 ใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยที่ 1 เพื่อเป็นทางเข้าออกที่ดินของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินแปลงดังกล่าวนอกจากนี้การที่จำเลยที่ 1 ขอให้ติดตั้งวางท่อประปาและปักเสาไฟฟ้าเข้าไปในที่ดินของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่าโจทก์ทั้งสามไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในการขยายเขตไฟฟ้าในหมู่บ้านจัดสรรของจำเลยที่ 1 โจทก์ทั้งสามได้รับทราบและเห็นชอบแล้วการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำโดยถูกต้องตามระเบียบเป็นการสร้างความเจริญบำรุงรักษาไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิที่ขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามฟ้องโจทก์ทั้งสามขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้การว่าจำเลยที่ 5 วางท่อจำหน่ายน้ำให้แก่จำเลยที่ 1 ไปใต้ดินบริเวณขอบถนนชิดแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 มิได้ทำให้ที่ดินที่โจทก์ทั้งสามอ้างว่ามีกรรมสิทธิ์รวมนั้น เสื่อมประโยชน์หรือทำให้เกิดภาระติดพันแต่อย่างใดแต่กลับเป็นการบำรุงรักษาที่ดินทำให้ที่ดินมีประโยชน์เพิ่มขึ้นโจทก์ทั้งสามได้รับประโยชน์ด้วย จำเลยที่ 5 ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของจำเลยที่ 4 การวางท่อของจำเลยที่ 5 ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2528 โจทก์ทั้งสามทราบแต่ไม่โต้แย้งคัดค้านการกระทำของโจทก์ทั้งสามเพื่อจะกลั่นแกล้งจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 การกระทำของโจทก์ทั้งสามเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตโจทก์ทั้งสามจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ให้การว่าจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 เข้ามาอยู่ในที่ดินโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 และเป็นบริวารของจำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามที่พิพาทเป็นทางสัญจรไปมาของจำเลยที่ 1 และบริวารเท่านั้นโจทก์ทั้งสามไม่ได้รับความเสียหายอันจะเป็นเหตุให้ฟ้องจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินซึ่งโจทก์ทั้งสามและจำเลยที่1เป็นเจ้าของรวมดังกล่าวคู่กรณีมีเจตนากันไว้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันเพราะต่างมีที่ดินอยู่ถัดเข้าไปด้านในโดยจำเลยที่ 1 มีที่ดินอีกแปลงหนึ่งซึ่งใช้ทำโครงการบ้านจัดสรรอยู่ชิดไปด้านทิศตะวันออก การที่จำเลยที่ 1 ทำถนนคอนกรีตกว้าง 6 เมตร บนที่ดินที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมเพื่อเข้าสู่ที่ดินของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็เป็นไปตามเจตนาเดิมของคู่กรณีที่ต้องการใช้เป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกัน นอกจากไม่เสียหายแล้วยังกลับจะมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมส่วนการปักเสาไฟฟ้าและวางท่อประปาก็ได้ทำชิดติดเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ด้านทิศตะวันออกหามีส่วนใดกีดขวางทางเข้าออกไม่ซึ่งโจทก์ที่ 1 ก็ได้ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยยอมรับในข้อนี้ทั้งรับว่าไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตัวทรัพย์กลับจะเป็นประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามที่อยู่ด้านทิศตะวันตกด้วย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 เข้าไปจัดการให้มีสาธารณูปโภคในที่ดินที่จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมดังกล่าวจึงไม่เป็นการใช้ทรัพย์สินในทางขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของรวมการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ซึ่งเข้าไปดำเนินการตามคำขอของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามเช่นกันสำหรับจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากโครงการของจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ใช้ถนนคอนกรีตออกสู่ถนนสาธารณะก็โดยอาศัยข้อตกลงอันเป็นที่ยอมรับระหว่างโจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 ที่ว่าต่างยินยอมให้เจ้าของที่ดินของทั้งสองฝ่ายที่อยู่สองข้างทางใช้ที่ดินที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรวมดังกล่าวออกสู่ทางสาธารณะได้โดยให้สัญญาดังกล่าวมีผลผูกพันผู้ที่ซื้อที่ดินต่อไปด้วยปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 การกระทำของจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น อนึ่งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 มิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ด้วยจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไข
พิพากษาแก้เป็นว่าให้โจทก์ทั้งสามใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 รวม 1,500 บาทจำเลยที่ 1 และที่ 6 ถึงที่ 20 ไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความให้นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1