แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีก่อนเป็นเรื่องเดียวกับคดีนี้ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ขณะคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด โดยจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20ในคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อน เมื่อโจทก์คดีนี้กับโจทก์ในคดีก่อนเป็นบุคคลคนเดียวกัน ทั้งจำเลยที่ 8ถึงที่ 20 ในคดีนี้ก็เป็นคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 14 ในคดีก่อนการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 เป็นคดีนี้จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีก่อนซึ่งยังไม่ถึงที่สุด ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173วรรคสอง(1).
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องซ้ำซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 174/2528 หมายเลขแดงที่178/2528 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20
โจทก์อุทธรณืขอให้รับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาในชั้นฎีกาว่า ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 ในคดีนี้นั้นเป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่174/2528 หมายเลขแดงที่ 178/2528 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้คู่ความรับกันว่าโจทก์ฟอ้งคดีดังกล่าวเป็นเรื่องเดียวกับคดีนี้ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ขณะคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด โดยจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ในคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีดังกล่าว เมื่อได้ความว่าโจทก์คดีนี้กับโจทก์ในคดีดังกล่าวเป็นบุคคลคนเดียวกัน ทั้งจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 ในคดีนี้ก็เป็นคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 13 ในคดีดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 เป็นคดีนี้จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าวซึ่งยังไม่ถึงที่สุด ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1)…”
พิพากษายืน.