คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินว่าใครจะเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดในคดีก่อนแล้วว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยมิได้ครอบครอง จำเลยยังไปขอออกโฉนด ขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ประเด็นในคดีจึงเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ศาลพิพากษายกคำร้องของโจทก์ในคดีก่อน เพราะไม่อาจพิพากษาให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท เนื่องจากเป็นที่ดินมือเปล่าและกรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แต่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดและคดีถึงที่สุดแล้วว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท จำเลยไม่ได้ครอบครอง คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยจะอ้างว่าตนเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ศาลได้พิพากษาในคดีก่อนว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทแต่ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ศาลจึงสั่งให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ตามคำร้องของโจทก์ไม่ได้ คดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยได้ไปขอออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ จึงขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย จำเลยครอบครองมาโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาจนปัจจุบันนี้

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท พิพากษาให้ระงับคำขอออกโฉนด ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงพิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา (นายบุญช่วย หนูศิลา ผู้รับมรดกความจำเลย)

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เคยยื่นคำร้องในคดีก่อน ขอให้มีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยยื่นคำคัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองตลอดมา ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่าสิบปี แต่เนื่องจากที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า และกรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ศาลจึงสั่งให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามคำร้องของโจทก์ไม่ได้ พิพากษาให้ยกคำร้องโจทก์และคำร้องคัดค้านของจำเลย คดีถึงที่สุดต่อมาจำเลยไปร้องขอออกโฉนดที่พิพาท โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้

ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ วินิจฉัยว่า ในคดีก่อนโจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินว่าใครเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ที่พิพาท แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ศาลได้พิพากษาชี้ขาดในคดีก่อนแล้วว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทจำเลยมิได้ครอบครอง แต่จำเลยก็ยังไปขอออกโฉนด จึงขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดของจำเลย ห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องหรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีก่อน กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนั้นศาลได้วินิจฉัยไว้ในคดีก่อนแล้วว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครอง จำเลยไม่ได้ครอบครองคำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความในคดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จึงไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้อีก

พิพากษายืน

Share