คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายตกลงขายข้าวเปลือกจำนวนมากแก่จำเลยโดยยินยอมให้จำเลยนำข้าวเปลือกที่ตกลงซื้อขายกันนั้นไปก่อน แล้วมีข้อสัญญาว่าจำเลยจะชำระราคาให้ภายหลังตามวันที่กำหนดไว้ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการซื้อขายกัน เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระราคาให้ตามวันที่ให้สัญญา จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ก็เป็นเรื่องที่บรรยายเพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ทำให้คดีผิดสัญญาทางแพ่งกลับกลายเป็นคดีอาญา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองโดยทุจริตได้ร่วมกันหลอกลวงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ผู้เสียหายรวม 6 คน ว่าจำเลยทั้งสองขอซื้อข้าวเปลือกจากผู้เสียหายทั้งหกไปก่อนแล้วจะนำเงินค่าข้าวเปลือกมาให้ในวันที่ 28 มิถุนายน 2528 อันเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาจะนำเงินค่าข้าวเปลือกไปให้ผู้เสียหายแต่มีเจตนาหลอกลวงเอาข้าวเปลือกไปจากผู้เสียหายเพื่อเอาไปขายให้ผู้อื่น แล้วนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตน และโดยการหลอกลวงดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายทั้งหกหลงเชื่อมอบข้าวเปลือกให้แก่จำเลยทั้งสองไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83, 91 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายทั้งหก
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า ตามฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองตกลงซื้อขายข้าวเปลือกกันจำเลยซื้อข้าวเปลือกไปจากผู้เสียหายแล้วไม่มีเงินค่าข้าวเปลือกมาชำระให้ตามที่ตกลงกันไว้เป็นการผิดนัด ผิดสัญญาในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายทั้งหกตกลงขายข้าวเปลือกจำนวนมากให้แก่จำเลยทั้งสองโดยยินยอมให้จำเลยทั้งสองนำข้าวเปลือกที่ตกลงซื้อขายกันนั้นไปก่อน แล้วมีข้อสัญญาว่าจำเลยทั้งสองจะชำระราคาให้ภายหลังตามวันที่กำหนดไว้คือวันที่ 28 มิถุนายน 2528 จึงเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายทั้งหกต่างเชื่อถือและไว้วางใจว่าจำเลยทั้งสองคงจะชำระราคาตามวันที่จำเลยทั้งสองให้สัญญาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการซื้อขายกัน เมื่อจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระราคาข้าวเปลือกให้ตามวันที่ให้สัญญา เช่นนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่ง แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริต ก็เป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายเพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แต่เมื่อปรากฏว่า กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่ง ถึงโจทก์จะบรรยายฟ้องอย่างไรก็ตามก็หาทำให้คดีผิดสัญญาทางแพ่ง กลับกลายเป็นคดีอาญาฐานฉ้อโกงตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์แต่ประการใดไม่ หากกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงแล้ว ต่อไปหากมีการซื้อขายทรัพย์สินกันโดยผู้ซื้อรับทรัพย์สินนั้นไปก่อนแล้วตกลงชำระราคาภายหลัง เมื่อมีการผิดนัดไม่ชำระราคาตามกำหนดก็จะกลายเป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงกันทุกเรื่องศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความผิดอาญาแต่อย่างใด
พิพากษายืน.

Share