แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแปลความในสัญญา สัญญามีข้อความว่าผู้ให้สัญญามีความพอใจยกกรรมสิทธิที่ดิน ฯลฯ ให้และผู้ถือสัญญามีอำนาจจัดการตรวจแร่และขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ได้เท่ากับตัวผู้ให้สัญญาเอง โดยผู้ให้สัญญายอมคิดค่าเสียหายจากผู้ถือสัญญาตามเนื่อที่ไร่ละ 150 บาทดังนี้ สัญญานี้เป็นสัญญาให้ค่าเสียหายในการเข้าตรวจและเหมืองแร่ไม่ใช่สัญญา จะซื้อขายที่ดิน
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทำสัญญากับโจทก์ โดยจำเลยเข้าทำการขุดแร่ในที่ดินของโจทก์จะให้ค่าที่ดินแก่โจทก์ไร่ละ 150 บาท โจทก์รับเงินจากจำเลยไปแล้ว 300 บาท บัดนี้จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ
ศาลชั้นต้นฟังว่าสัญญาระวางโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินกัน จึงให้โจทก์ทำสัญญาขายที่ดินให้จำเลยใช้เงิน 176 1 บาท 90 สตางค์แก่โจทก์
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าสัญญาข้อ 2 มีข้อความว่า ” ฯลฯ ให้ผู้ถือสัญญามีอำนาจจัดการตรวจแร่และขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ได้เท่ากับตัวผู้ให้สัญญาเองโดยผู้ให้สัญญายอมคิดค่าเสียหายจากผู้ถือสัญญาตามเนื้อที่ไร่ละ 150 บาท ดังนี้เห็นว่าเรื่องนี้หาใช่เรื่องซื้อขายกันไม่ เรื่องนี้แท้จริงเป็นเรื่องให้ค่าเสียหายในการขุดทำเหมืองแร่เท่านั้นทั้งนี้จะเห็นได้ตามความในสัญญาข้อ 4 และ 5 ซึ่งมีความปรากฎว่าจำเลยมีสิทธิทำเหมืองแร่งในที่รายนี้ชั่วอายุของประทานบัตร์เท่านั้น หามีกรรมสิทธิตลอดไปไม่จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าโจทก์ไม่จำต้องทำหนังสือซื้อขายที่ดินแก่จำเลยนอกนั้นคงพิพากษายืน