คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9299/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 78,160 รัฐเท่านั้นที่เป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย จึงขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในข้อหานี้ไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้ได้ก็ต้องหมายถึงอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์ได้เฉพาะที่โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายในข้อหาความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 เท่านั้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ม-2594เชียงใหม่ไปตามถนนสะพานนวรัฐมุ่งหน้าไปทางสี่แยกหนองประทีปด้วยความเร็วสูงแล่นผ่านสี่แยกเชิงสะพานนวรัฐซึ่งเป็นสี่แยกสัญญาณไฟจราจรด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์โดยการชะลอความเร็วของรถยนต์ให้ช้าลงและดูรถในสี่แยกให้ปลอดภัยก่อนที่จะขับรถยนต์ผ่านสี่แยกดังกล่าวไป แต่จำเลยหาได้กระทำให้เพียงพอไม่จนเป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ผ-8193 ที่นายอาโต๋ว แซ่โซว ผู้ตายขับผ่านสี่แยกดังกล่าวมาทางขวามือของรถยนต์จำเลย ทำให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ดังกล่าวเสียหาย ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาจำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่หยุดรถยนต์และให้ความช่วยเหลือตามสมควร ทั้งไม่ไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีด้วยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 78, 157, 160
จำเลยให้การปฏิเสธในข้อหาความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนข้อหาความผิดฐานขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา นางสุรางค์ แซ่โซว ภริยาของผู้ตายนางสาวพัชราภรณ์ จิตนราพงศ์ นางอัญชนา ศิริสงวนวงศ์นางสาวสุวดี จิตนราพงศ์ นางภาวิณี กระแสร์ญาญ และนายประวิทย์ จิตนราพงศ์ บุตรของผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 (ที่ถูกมาตรา 78 วรรคหนึ่ง,160 วรรคแรก) ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือนและปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ข้อหาขับรถยนต์ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหายให้ยก
โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ร่วมทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ร่วมทั้งหกว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมทั้งหกที่ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักโดยไม่รอการลงโทษในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้นชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อหาความผิดต่อกฎหมายดังกล่าวรัฐเท่านั้นที่เป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมทั้งหกมิใช่ผู้เสียหายจึงขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในข้อหานี้ไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ร่วมทั้งหกเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้ได้ ก็ต้องหมายถึงอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์ได้เฉพาะที่โจทก์ร่วมทั้งหกเป็นผู้เสียหายในข้อหาความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 เท่านั้น ดังนี้โจทก์ร่วมทั้งหกจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมทั้งหกให้นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share