แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
หลังจากเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วย 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 10 เม็ด และคีตามีน 1 ขวด เป็นของกลางที่บริเวณหน้าห้อง 237/36 อาคารศรีวรา และนำจำเลยไปที่สถานีตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบกุญแจห้องพัก 1 ดอก ที่ตัวจำเลย จำเลยแจ้งว่าเป็นกุญแจห้องพักที่ห้อง 403 เจริญอพาร์ทเมนท์ และที่ห้องดังกล่าวยังมี 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำจำเลยไปที่ห้องพักนั้น และตรวจพบ 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 210 เม็ด และคีตามีนอีกจำนวน 15 ขวด จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนับว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ สมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (2) (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคสาม (2)), 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ (ที่ถูก ต้องปรับบทมาตรา 13 ทวิ, 89 ด้วย) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมี 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ที่ถูก ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งเป็นความผิดฐานขายคีตามีนและฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทซึ่งมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด) จำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานมี 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิต เป็นโทษจำคุก 50 ปี คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 25 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดจำคุก 6 ปี รวมจำคุกจำเลยมีกำหนด 31 ปี และปรับ 500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า ในความผิดฐานมี 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายสมควรลงโทษจำคุกจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำเบิกความของร้อยตำรวจโทณรงค์ ม่วงทอง เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมว่า วันเกิดเหตุหลังจากเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วย 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 10 เม็ด และคีตามีน 1 ขวด เป็นของกลาง ที่บริเวณหน้าห้อง 236/36 อาคารศรีวรา ต่อมาได้นำจำเลยไปที่สถานีตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบกุญแจห้องพัก 1 ดอก ที่ตัวจำเลย จำเลยแจ้งว่า เป็นกุญแจห้องพักที่ห้อง 403 เจริญอพาร์ทเมนท์ และจำเลยแจ้งอีกว่า ที่ห้องดังกล่าวยังมี 3, 4-เมทิลไดออกซีเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำจำเลยไปที่ห้องพักนั้น และตรวจพบ 3, 4-เมทิลไดออกซีเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 210 เม็ด และคีตามีนอีกจำนวน 15 ขวด จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนับว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจสมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปมีว่า ในความผิดฐานมี 3, 4-เมทิลไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายสมควรลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/1 วรรคสอง หรือไม่ เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยไม่ได้ประกอบอาชีพ โดยตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 22 มิถุนายน 2547 ได้ความว่า จำเลยเป็นนักศึกษาอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน ปรากฏตามเอกสารต่าง ๆ แนบท้ายคำร้องฉบับดังกล่าว จำเลยจึงไม่น่าจะมีรายได้จากการประกอบอาชีพใด 3, 4-เมทิลไดออกซีเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีจำนวน 220 เม็ด น้ำหนัก 67.111 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 32.850 กรัม นับว่ายังไม่ถึงขนาดจะถือว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดให้โทษรายใหญ่ เมื่อได้พิเคราะห์ถึงความร้ายแรงของการกระทำความผิด ฐานะของจำเลยและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว กรณีมีเหตุอันควรเป็นการเฉพาะรายสมควรลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/1 วรรคสอง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาในความผิดฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดนั้น เห็นว่า คีตามีนของกลางในคดีนี้มีจำนวน 16 ขวด น้ำหนัก 168.580 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 7.890 กรัม ที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวถึง 12 ปี ก่อนลดโทษให้นั้น หนักเกินไป เห็นสมควรกำหนดโทษจำคุกในความผิดฐานนี้ใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นเช่นกัน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมี 3, 4-เมทิลไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 40 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จำคุก 7 ปี รวมจำคุก 47 ปี และปรับ 500,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 23 ปี 6 เดือน และปรับ 250,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์