คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9263/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเก็บรวบรวมจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 เพื่อแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายในคดีล้มละลายตามวิธีการที่ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 กำหนด การประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นนั้น พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 32 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่
การเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านสอบถามความประสงค์ของเจ้าหนี้ในการดำเนินการแก่ที่ดินพิพาทเพื่อให้การดำเนินคดีล้มละลายสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยผู้คัดค้านได้กำหนดหัวข้อประชุมให้เจ้าหนี้แถลงความประสงค์เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงและระบุเงื่อนไขว่า หากเจ้าหนี้ไม่มาประชุมหรือไม่แถลงตามกำหนดจะถือว่าไม่ประสงค์ดำเนินการแก่ทรัพย์ดังกล่าวและไม่คัดค้านการที่ผู้คัดค้านจะรายงานขอให้ศาลมีคำสั่งปิดคดี เมื่อถึงกำหนดวันนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) ไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาร่วมประชุมจึงถือว่าเจ้าหนี้ได้สละสิทธิที่จะดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทโดยปริยาย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ กับที่ดินพิพาทตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ได้อีกต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547 มีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ปลดจากการล้มละลาย ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2552 ต่อมาวันที่ 5 กรกฎาคม 2554 ผู้คัดค้านยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 106676และ 159200 ตำบลประเวศ (คลองประเวศฝั่งใต้) อำเภอประเวศ (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 3 ผู้ร้องในฐานะทายาทโดยธรรมของจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์ต่อผู้คัดค้าน วันที่ 9 สิงหาคม 2554 ผู้คัดค้านมีคำสั่งว่าการยึดทรัพย์ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันฟังได้ว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547 พิพากษาให้จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 106676 และ 159200 ตำบลประเวศ (คลองประเวศฝั่งใต้) อำเภอประเวศ (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร ติดจำนองแก่บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 กำหนดหัวข้อประชุมให้เจ้าหนี้แถลงความประสงค์เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว หากเจ้าหนี้ไม่มาประชุมหรือไม่แถลงตามกำหนดจะถือว่าไม่ประสงค์ดำเนินการแก่ทรัพย์ดังกล่าวและไม่คัดค้านการที่ผู้คัดค้านจะรายงานขอให้ศาลมีคำสั่งปิดคดี ครั้นถึงวันนัดไม่มีเจ้าหนี้มาประชุม ผู้คัดค้านรายงานขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งปิดคดีตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 133 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปิดคดีวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับการปลดจากล้มละลายตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2552 ต่อมาผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินทั้งสองแปลงไถ่ถอนจำนองจากบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ผู้รับโอนสิทธิจำนองจากเจ้าหนี้เดิมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 โจทก์นำผู้คัดค้านยึดที่ดินทั้งสองแปลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 ผู้คัดค้านขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเปิดคดีตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 134 ศาลมีคำสั่งให้เปิดคดีวันที่ 8 ธันวาคม 2553 ต่อมาจำเลยที่ 3 ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องคดีนี้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า ผู้คัดค้านมีอำนาจยึดที่ดินพิพาททั้งสองแปลงหรือไม่ เห็นว่า ผู้คัดค้านในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเก็บรวบรวม จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 เพื่อแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายในคดีล้มละลายตามวิธีการที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 กำหนด การประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นนั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 32 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ การเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านสอบถามความประสงค์ของเจ้าหนี้ในการดำเนินการแก่ที่ดินพิพาทเพื่อให้การดำเนินคดีล้มละลายสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยผู้คัดค้านได้กำหนดหัวข้อประชุมให้เจ้าหนี้แถลงความประสงค์เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงและระบุเงื่อนไขว่า หากเจ้าหนี้ไม่มาประชุมหรือไม่แถลงตามกำหนดจะถือว่าไม่ประสงค์ดำเนินการแก่ทรัพย์ดังกล่าวและไม่คัดค้านการที่ผู้คัดค้านจะรายงานขอให้ศาลมีคำสั่งปิดคดีเมื่อถึงกำหนดวันนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) ไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาร่วมประชุมจึงถือว่าเจ้าหนี้ได้สละสิทธิที่จะดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทโดยปริยาย ดังนั้นผู้คัดค้านจึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ กับที่ดินพิพาทตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ได้อีกต่อไป ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นของผู้ร้องไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 106676 และ 159200 ตำบลประเวศ (คลองประเวศฝั่งใต้) อำเภอประเวศ (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share