คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงได้รับมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาในกองแบบแผนที่โจทก์สังกัดอยู่เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัยได้ดังนั้นการที่จำเลยสั่งลงโทษโจทก์ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยชอบไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกองแบบแผน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขและเป็นผู้บังคับบัญชาในกองแบบแผนและกองอื่น ๆ เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัย ตามอำนาจและหน้าที่ที่กำหนดในพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 โจทก์ได้รับคำสั่งให้ไปควบคุมการก่อสร้างศูนย์มาลาเรียเขต 1 จังหวัดสระบุรีต่อมาปลัดกระทรวงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและตั้งข้อหากล่าวว่าโจทก์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้โจทก์เสียหายเป็นละเมิดต่อโจทก์โดยจำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ตามมาตรา 73 วรรคหนึ่ง ฐานไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบธรรมเนียมของทางราชการตามมาตรา 74 ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายระเบียบของทางราชการและมติคณะรัฐมนตรีให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ และระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการและละทิ้งหน้าที่ราชการตามมาตรา 68 วรรคหนึ่ง, 75 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ทำให้โจทก์เสียหายต่อสิทธิ คือเสียสิทธิที่จะได้รับเงินเดือนและไม่ได้ขึ้นเงินเดือนพร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีรวมเป็นเงิน 122,756 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ จำเลยสั่งลงโทษโจทก์ทางวินัยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการโดยถูกต้องไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนไปบ้างแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วโดยไม่จำต้องสืบพยานที่เหลือต่อไปให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่าโจทก์เดินทางไปควบคุมการก่อสร้างอาคารฝึกอบรมและหอพักของศูนย์มาลาเรียเขต 1 อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2524 มีกำหนด 6 เดือน ต่อมาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแจ้งให้ดำเนินการแก่โจทก์เกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปควบคุมการก่อสร้างดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโจทก์ทางวินัยคณะกรรมการสอบสวนแล้วเสนอความเห็นว่าสมควรลดขั้นเงินเดือนโจทก์1 ขั้น กระทรวงสาธารณสุขโดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยขึ้น คณะกรรมการตรวจสอบวินัยมีมติให้ลดขั้นเงินเดือนโจทก์ 1 ขั้น และทำความเห็นเสนอต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขณะนั้นจำเลยปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มีคำสั่งให้ลดขั้นเงินเดือนโจทก์ 1 ขั้น จากระดับ 5 ขั้น6,025 บาท เป็นให้ได้รับเงินเดือนขัน 5,745 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป โจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ดังนั้นเห็นว่าพยานโจทก์เอง เบิกความว่าคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและคณะกรรมการตรวจสอบวินัยได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย และตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบวินัย เอกสารหมาย จ.3 กับคำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ลดขั้นเงินเดือนโจทก์ที่จำเลยมีคำสั่งในฐานะปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 (เอกสารหมาย ล.8) ปรากฏว่ามีข้อความตรงกันคือ ในกรณีความผิดฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายระเบียบของทางราชการและมติคณะรัฐมนตรีให้เกิดผลดีและความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความอุตสาหะเอาใจใส่และระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการและฐานละทิ้งหน้าที่ราชการเพราะโจทก์ไม่อยู่ควบคุมการก่อสร้างตามหน้าที่เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2525 ครึ่งวันเป็นอย่างน้อยในกรณีความผิดฐานไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของทางราชการ เพราะโจทก์มิได้จดบันทึกการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างและเหตุการณ์แวดล้อมเป็นรายวันและมิได้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการตรวจการจ้าง ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2525เป็นต้นมา และฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา เพราะโจทก์เขียนรายงานการเดินทางเท็จโดยระบุว่าพักที่โรงแรมธานินทร์เพียงแห่งเดียว การที่จำเลยสั่งลดขั้นเงินเดือนโจทก์จึงเป็นการสั่งตามผลของการสอบสวน มติของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและมติของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยที่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามฟ้องโจทก์ก็บรรยายว่าจำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้บังคับบัญชาในกองแบบแผนที่โจทก์สังกัดอยู่เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัยได้ ดังนั้นที่จำเลยสั่งลงโทษโจทก์ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยชอบไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์”
พิพากษายืน

Share