คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9254/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์ว่า อายุความสองปีเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2542 นั้น ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องนับแต่วันที่ 19 กันยายน 2543 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา โจทก์ได้ทำคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้เสมียนทนายความไปยื่นต่อศาลแล้วแต่เสมียนทนายความมิได้นำไปยื่น อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งการเริ่มนับอายุความสองปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (16) ของศาลชั้นต้นว่าสมควรจะเริ่มนับวันใด เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังข้อเท็จจริง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง หาใช่อุทธรณ์ในข้อกฎหมายไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าว่าจ้างทนายความตามที่จำเลยทั้งสองว่าจ้างโจทก์ให้ว่าความในคดีหมายเลขดำที่ 6692/2542 ของศาลชั้นต้นเป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 กันยายน 2542 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 7,500 บาท
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นมิได้สั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา แต่การที่จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน และศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลฎีกา พออนุโลมได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง แล้ว
คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ชัดเจนแล้วว่า โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระค่าว่าความให้โจทก์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2542 และยังถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันเริ่มต้นคิดดอกเบี้ยจากค่าว่าความ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2545 ซึ่งเกินสองปี คำฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (16) โจทก์อุทธรณ์ว่า อายุความสองปีเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2542 นั้นไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องนับแต่วันที่ 19 กันยายน 2543 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 6692/2542 ของศาลชั้นต้น คำฟ้องโจทก์ที่ระบุวันที่ 19 กันยายน 2542 เป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง โจทก์ได้ทำคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้เสมียนทนายความไปยื่นต่อศาลแล้วแต่เสมียนทนายความมิได้นำไปยื่น เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งการเริ่มนับอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (16) ของศาลชั้นต้นว่าสมควรจะเริ่มนับวันใด เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังข้อเท็จจริง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง หาใช่อุทธรณ์ในข้อกฎหมายไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาต่อไป

Share