แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายแล้วทำลายบานประตูและกระจกหน้าต่างผู้เสียหายในทันทีทันใดนั้น ย่อมถือว่าเป็นกรรมเดียวกันจึงต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 คน ร่วมกันมีเหล็กชะแลงและปืนเป็นอาวุธปืนติดตัวบุกรุกเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นไปบนเรือนของนายสมใจเตชะวณิชย์ ผู้เสียหายและจำเลยได้ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายนางเตือนใจเตชะวณิชย์ ภริยาผู้เสียหาย จำเลยกับพวกได้ใช้ชะแลงงัดซี่เหล็กประตูรั้วหน้าบ้านทุบโคมไฟรั้วหน้าบ้าน ป้ายชื่อที่ประตู ทุบกระจก วงกบประตูบ้าน กระแทกบานประตูหน้าต่าง และฝาห้องของผู้เสียหายจนแตกพังทะลายเสียหายหลายแห่งเหตุเกิดที่แขวงบางซื่อ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364, 365, 358, 83
จำเลยให้การว่า เหตุที่เข้าไปในบ้านเกิดเหตุก็เพื่อจะถามเรื่องที่นางเตือนใจน้องสาวของจำเลยและเป็นภริยาผู้เสียหายได้ให้ผู้เสียหายด่าว่ามารดาของจำเลยแต่ผู้เสียหายไม่ยอมเปิดประตูให้เข้าไป จำเลยบันดาลโทสะได้ทุบประตูและสิ่งของต่าง ๆ เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 362, 365, 358, 83ให้เียงกระทงลงโทษฐานบุกรุกลงโทษตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก จำคุก 2 ปี ผิดตามมาตรา 358 จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามมาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี แต่ให้รอการลงโทษตามมาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี ฯลฯ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสมใจผู้เสียหายแต่นายสมใจไม่อยู่บ้าน คงอยู่แต่นางเตือนใจภริยา นางเตือนใจเห็นจำเลยกับพวกจะเข้ามาจึงปิดประตูและหนี้ขึ้นชั้นบน จำเลยเข้าทำลายบานประตูและทุบกระจกหน้าต่างแล้วจำเลยก็ออกไป ปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่างวาระ ถือว่าเป็นความผิดหลายกระทงหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยบุกรุกเข้าในบ้านผู้เสียหายแล้วทำลายบานประตูและกระจกหน้าต่างผู้เสียหายในทันทีทันใดเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นกรรมเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน