คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะที่โจทก์นำเงินไปฝากที่บริษัทจำเลยมี อ.ช. และ ก.เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อร่วมกันกระทำการแทนจำเลยได้ กรรมการทั้งสามคนได้รับฝากเงินและออกเช็คตามฟ้องให้โจทก์ อันเป็นการกระทำในเวลาทำการตามปกติของจำเลย แสดงว่าจำเลยเป็นผู้รับฝากเงินเอง ที่จำเลยอ้างว่ากรรมการของจำเลยทั้งสามคนมิได้นำเงินที่รับฝากเข้าบัญชีจำเลยก็ดี กฎหมายบังคับว่าหลักฐานการรับฝากเงินต้องออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินก็ดี การรับฝากเงินโจทก์กรรมการอื่นไม่ทราบเรื่อง และโจทก์ได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ดีล้วนเป็นเรื่องที่กรรมการของจำเลยทั้งสามคนกระทำผิดระเบียบและกฎหมายเองทั้งสิ้น จำเลยจะนำมาเป็นเหตุอ้างให้พ้นจากความรับผิดต่อลูกค้าไม่ได้ เมื่อเช็คที่โจทก์ได้รับจากจำเลยเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยย่อมต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า กรรมการของบริษัทจำเลยได้เชิดนายเอกชัยยรรยงยิ่ง นายชำนาญ อัศวโรจน์ และนายเกรียง อัศวเลิศแสงเป็นตัวแทน และหรือรู้แล้วยอมให้บุคคลทั้งสามเชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยและออกตั๋วเงินมอบให้แก่ลูกค้าเพื่อเรียกเก็บเงินเมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝาก โจทก์นำเงินมาฝากกับจำเลยมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท โดยจำเลยตกลงชำระต้นเงินพร้อมผลประโยชน์ตอบแทนสำหรับจำนวนเงินที่โจทก์นำมาฝากในกำหนดระยะ 1 ปี แล้วตัวแทนของจำเลยคือนายเอกชัย นายชำนาญและนายเกรียงได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าผลประโยชน์ตอบแทนและต้นเงินจำนวน 600,000 บาท โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์หลายครั้ง จำเลยไม่ยอมชำระ นอกจากนี้กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยส่วนใหญ่ได้หลบหนี จำเลยในฐานะตัวการต้องรับผิดชำระเงินตามเช็ค รวมเป็นเงิน 650,400 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยและให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า การกระทำจะให้ผูกพันจำเลยจะต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลย จำเลยประกอบธุรกิจเงินทุน การรับฝากเงินของจำเลยจะกระทำได้โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินในนามของบริษัทให้แก่ผู้ฝากเงินเท่านั้น จำเลยไม่เคยได้รับฝากเงินและรับเอาผลประโยชน์ของการฝากเงินตามที่โจทก์ระบุในฟ้อง จำเลยไม่เคยเชิดหรือยอมให้นายเอกชัย นายชำนาญนายเกรียงหรือผู้หนึ่งผู้ใดเป็นตัวแทนของจำเลย โจทก์จำเลยจึงไม่มีมูลหนี้ผูกพันกัน การที่โจทก์ฝากเงินหรือให้นายเอกชัยนายชำนาญและนายเกรียงกู้ยืมเงินเป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวการกระทำระหว่างโจทก์กับบุคคลทั้งสามดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะมาเรียกร้องเอาจากจำเลยได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 650,400บาทให้โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่28 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย คำนวณถึงวันฟ้อง (21 สิงหาคม 2528) แต่ไม่ให้เกิน 24,375 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราดังกล่าว ในต้นเงินตามเช็ค 600,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์นำเงินไปฝากที่บริษัทจำเลยจำนวน 600,000 บาท บริษัทจำเลยได้ออกเช็คตามฟ้องโดยมีนายเอกชัย นายชำนาญ และนายเกรียงกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยในขณะนั้นเป็นผู้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาเช็คดังกล่าวครบกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายบางฉบับรวมเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเป็นเงิน 650,400 บาท ปัญหาตามฎีกาจำเลยมีว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์หรือไม่ …เห็นว่าจำเลยเป็นสถาบันทางการเงินซึ่งเป็นที่เชื่อถือของบุคคลทั่วไปเมื่อปรากฏว่าขณะที่โจทก์นำเงินไปฝากที่บริษัทจำเลยนั้นมีนายเอกชัย นายชำนาญ และนายเกรียง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อร่วมกันกระทำการแทนจำเลยได้ โดยกรรมการทั้งสามคนดังกล่าวได้รับฝากเงินและออกเช็คตามฟ้องให้แก่โจทก์ อันเป็นการกระทำในเวลาทำการตามปกติของจำเลย จึงเป็นการยากที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทราบได้ว่ากรรมการของจำเลยทั้งสามคนกระทำในฐานะส่วนตัวหรือไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับฝากเงินเองที่จำเลยอ้างว่าเงินที่รับฝาก กรรมการของจำเลยทั้งสามคนมิได้นำเข้าบัญชีของจำเลยก็ดี มีกฎหมายบังคับว่าหลักฐานการรับฝากเงินจำเลยต้องออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินก็ดี การรับฝากเงินจากโจทก์กรรมการของจำเลยคนอื่นไม่ทราบเรื่องและโจทก์ได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ดี ล้วนแต่เป็นเรื่องที่กรรมการของจำเลยทั้งสามคนกระทำผิดระเบียบของจำเลยและบทบัญญัติของกฎหมายเองทั้งสิ้น จำเลยจะนำมาเป็นเหตุอ้างให้พ้นจากความรับผิดที่มีต่อลูกค้าของจำเลยไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเช็คที่โจทก์ได้รับจากจำเลยครบกำหนดสั่งจ่ายและเรียกเก็บเงินได้ไม่ครบทุกฉบับ จำเลยย่อมต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คฉบับที่ยังเรียกเก็บเงินไม่ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าคดีที่นายเกียงี้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องแล้วนั้น เห็นว่า คดีดังกล่าวแม้ผลของคดีจะถึงที่สุดในรูปใดก็หาได้ผูกพันคดีนี้ไม่ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share