แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พ.ร.ก. พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้า ตอนที่ 83 ประเภทพิกัดที่ 83.03 ระบุว่าตู้นิรภัยกำปั่นห้องนิรภัย ที่หุ้มหรือเสริมให้มั่นคง ผนังด้านต่าง ๆ ที่ใช้บุห้องนิรภัยและประตูห้องนิรภัย หีบใส่เงินและหีบเก็บเอกสารและสิ่งที่คล้ายกันทำด้วยโลหะสามัญ ลักษณะของตามประเภทพิกัดนี้เห็นได้ว่าล้วนแต่เป็นของที่มีลักษณะมั่นคงแข็งแรงทั้งสิ้น ดังนั้นหีบใส่เงินที่จะจัดเข้าพิกัดประเภทนี้ได้ต้องมีลักษณะมั่นคงแข็งแรงขนาดใหญ่น้ำหนักมากการขนย้ายเคลื่อนที่จะกระทำได้ยากลำบากทั้งจะต้องกันไฟหรือกันโจรกรรมได้ด้วย หีบใส่เงินที่จำเลยนำเข้ามีลักษณะไม่มั่นคงแข็งแรง ไม่อาจป้องกันไฟหรือการโจรกรรมได้เลยไม่เหมือนกับของต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในประเภทพิกัดดังกล่าวแต่จัดเป็นของใช้ในบ้านเรือนทำด้วยเหล็กตามประเภทพิกัดที่ 73.38ข. แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด แต่ปรากฏจากใบขนสินค้าขาเข้าว่า จำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้นำเข้าแทนจำเลยที่ 1 และระบุไว้ด้วยว่าเป็นผู้จัดการ ถือได้ว่าเป็นการสอดเข้าไปจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย พ.ร.บ.ศุลกากรและ ป.รัษฎากรบัญญัติให้เรียกเงินเพิ่มของค่าอากรขาเข้าและของเงินภาษีที่ต้องชำระ แต่มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระตามลำดับซึ่งเป็นทางแก้สำหรับกรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่ค้างไว้โดยเฉพาะและโจทก์ได้คำนวณเงินเพิ่มดังกล่าวจนครบถ้วนมาในฟ้องแล้ว จึงจะนำ ป.พ.พ. มาตรา 224ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับจำเลยอีกหาได้ไม่โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยของเงินอากรขาเข้า ภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาลและเงินเพิ่ม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2518จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 สั่งและนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าแสดงรายการสินค้าว่าเป็นหีบใส่เงิน ประเภทพิกัดที่ 83.03 อัตราอากรร้อยละ 15 จำเลยที่ 1 ชำระภาษีอากรและรับสินค้าไปแล้วซึ่งไม่ถูกต้อง สินค้าของจำเลยดังกล่าวไม่มีลักษณะมั่นคงแข็งแรง ไม่อาจป้องกันไฟและโจรกรรมได้ตามประเภทพิกัดที่แสดง จึงเข้าพิกัดประเภทที่ 73.38 ข. ตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้าตอนที่ 83ต้องเสียอากรร้อยละ 50 จำเลยที่ 1 จะต้องชำระอากรขาเข้าเพิ่มภาษีการค้าเพิ่มและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่ม โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินดังกล่าว แต่ไม่ชำระภายในกำหนด 30 วัน จึงต้องชำระเงินเพิ่มภาษีการค้าอีกร้อยละ 1 ต่อเดือน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ได้รับของไปจนถึงวันฟ้องแต่ไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลร้อยละ 10 ของเงินเพิ่มภาษีการค้าจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดแต่สอดเข้าไปจัดการงานของจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดด้วย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงินอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลและเงินเพิ่มรวมเป็นเงิน69,909.36 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยส้อดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดกิจการของจำเลยที่ 1 แต่กระทำโดยได้รับมอบหมายเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 แสดงรายการและเสียภาษีในพิกัดอัตราอากรถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ตีความสินค้าประเภทพิกัดที่ 83.03นอกเหนือถ้อยคำที่ระบุไว้ชัดแจ้งแล้วทั้งหีบใส่เงินที่จำเลยสั่งเข้ามาก็มีลักษณะมั่นคงแข็งแรง ที่โจทก์เห็นว่าของที่จำเลยนำเข้าอยู่ในประเภทพิกัดที่ 73.38 ข. และให้จำเลยเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามที่โจทก์ฟ้องนั้นไม่ถูกต้อง โจทก์ประมาทเลินเล่อปล่อยเวลาล่วงเลยถึง 2 ปีเศษ จึงมาเรียกเก็บภาษีอากรจากจำเลยจำเลยไม่ต้องรับผิด ชำระเงินให้โจทก์ คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดกิจการของจำเลยที่ 1 แต่กระทำโดยได้รับมอบหมายในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 1 แสดงรายการและเสียภาษีในพิกัดอัตราอากรโดยถูกต้องตามกฎหมาย สินค้าที่จำเลยสั่งและนำเข้าเป็นหีบใส่เงินตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503จัดเป็นสินค้าประเภทที่ 83.03 ระบุไว้ชัดแจ้งว่า หีบใส่เงิน หีบเอกสารและสิ่งที่คล้ายกันทำด้วยโลหะสามัญ อัตราอากรร้อยละ 15 ไม่มีความหมายหรือคำจำกัดความว่าจะต้องเป็นหีบที่มีลักษณะมั่นคงแข็งแรงป้องกันไฟและโจรกรรมได้ดังโจทก์อ้าง เป็นการตีความนอกเหนือความหมายของถ้อยคำที่ชัดเจนอยู่แล้ว ความจริงหีบใส่เงินที่จำเลยสั่งเข้ามาก็มีลักษณะมั่นคงแข็งแรงมีกุญแจล็อกถึง 2 ดอก มีรหัสบังคับพร้อมทั้งกริ่งเตือนภัยกันขโมยได้ หาใช่เป็นเพียงเหล็กบางดังโจทก์อ้างไม่ การที่โจทก์เห็นว่าของที่จำเลยนำเข้ามาอยู่ในประเภทพิกัดที่ 73.38 ข. จึงไม่ชอบ ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเสียภาษีการค้า 15,242.35 บาท ภาษีบำรุงเทศบาล 1,524.23 บาท นั้นไม่ถูกต้อง เพราะสูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยได้เสียไปจริง โจทก์ประมาทเลินเล่อปล่อยเวลาล่วงเลยไปถึง 2 ปีเศษ จึงมาเรียกเก็บจากจำเลยซึ่งจำหน่ายสินค้าไปหมดแล้ว ไม่อาจนำภาษีเพิ่มไปคำนวณเป็นทุนได้จำเลยจึงเสียหายเท่าจำนวนภาษีอากรที่โจทก์เรียกเพิ่ม จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระให้โจทก์คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองแต่เพียงว่า สินค้าหีบใส่เงินพิพาทที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรจัดเป็นของในประเภทพิกัดที่ 83.03 ตามที่จำเลยสำแดงหรือจัดเป็นของในประเภทพิกัดที่ 73.38 ข. ตามคำฟ้องของโจทก์เห็นว่า ตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ภาค 2พิกัดอัตราอากรขาเข้าตอนที่ 83 ประเภทพิกัดที่ 83.03 ระบุว่าตู้นิรภัยกำปั่นห้องนิรภัย ที่หุ้มหรือเสริมให้มั่นคง ผนังด้านต่าง ๆ ที่ใช้บุห้องนิรภัยและประตูห้องนิรภัย หีบใส่เงินและหีบเก็บเอกสาร และสิ่งที่คล้ายกันทำด้วยโลหะสามัญ ซึ่งจะเห็นลักษณะของตามประเภทพิกัดที่ 83.03 ได้ว่า ล้วนแต่เป็นของที่มีลักษณะมั่นคงแข็งแรงทั้งสิ้น เช่น ตู้นิรภัย กำปั่น ห้องนิรภัย ที่หุ้มหรือเสริมให้มั่นคง ดังนั้น หีบใส่เงินที่จะจัดเข้าพิกัดประเภทนี้ได้ก็ต้องเป็นหีบใส่เงินที่มีลักษณะมั่นคงแข็งแรงขนาดใหญ่น้ำหนักมาก การขนย้ายเคลื่อนที่จะกระทำได้ยากลำบาก ทั้งจะต้องกันไฟ หรือกันโจรกรรมได้ด้วย ได้ความจากคำเบิกความของนายประจวบธนกรวิทย์ สารวัตรศุลกากรระดับ 6 และนายกล่อม อัศรพันธ์ผู้อำนวยการกองวิเคราะห์ราคากรมศุลกากร ว่าหีบใส่เงินที่จำเลยนำเข้าไม่มีลักษณะมั่นคงแข็งแรง และได้ความจากนายสุชัยพูนพานิชผล สารวัตรศุลกากรระดับ 7 เบิกความว่า ของที่จำเลยนำเข้ามามีลักษณะเป็นหีบสี่เหลี่ยมทำด้วยเหล็ก ไม่แข็งแรง ยาวประมาณไม่เกิน 1 ศอก กว้างประมาณไม่เกิน 1 ฟุต สูง 1 คืบเศษ เหล็กที่ใช้ทำหีบดังกล่าวบางไม่เหมือนเหล็กที่ใช้ทำตู้เซฟโดยทั่วไปและภายในหีบไม่มีวัตถุกันไฟ เช่น วัตถุที่เรียกว่า แอสแบตตอส ดังนี้เมื่อให้พิจารณาลักษณะของหีบใส่เงินที่จำเลยนำเข้าตามคำพยานโจทก์ทุกปากดังกล่าวประกอบกับภาพถ่ายของหีบใส่เงินตามภาพถ่ายหมาย ล.4 ถึง ล.6 และหีบใส่เงินหมาย ว.1 แล้ว เห็นได้ว่าหีบใส่เงินที่จำเลยนำเข้ามีลักษณะไม่มั่นคงแข็งแรง ทั้งไม่อาจป้องกันไฟไม่อาจป้องกันการโจรกรรมได้เลย ไม่เหมือนกับของต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในประเภทพิกัดที่ 83.03 แต่จัดเป็นของใช้ในบ้านเรือนทำด้วยเหล็กตามประเภทพิกัดที่ 73.38 ข. เช่นเดียวกับที่ศุลกากรวินิจฉัยไว้แล้วตาม ว.อ. 89/2511 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่าหีบใส่เงินที่จำเลยนำเข้าจัดเป็นของในประเภทพิกัดที่ 83.03 นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ดังนั้น จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องร่วมกันรับผิดในอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล ตลอดจนเงินเพิ่มภาษีตามฟ้องส่วนจำเลยที่ 2นั้น แม้จะเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด แต่ปรากฏจากใบขนสินค้าขาเข้าเอกสารหมาย จ.1 ว่าจำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้นำเข้าแทนจำเลยที่ 1 และระบุไว้ด้วยว่าเป็นผู้จัดการ ถือได้ว่าเป็นการสอดเข้าไปจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้น แต่ที่โจทก์มีคำขอให้จำเลยทั้งสามชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลและเงินเพิ่มนั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติ ศุลกากรและประมวลรัษฎากรบัญญัติให้เรียกเงินเพิ่มของค่าอากรขาเข้า และของเงินภาษีที่ต้องชำระ แต่มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระตามลำดับ ซึ่งเป็นทางแก้สำหรับกรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่ค้างไว้โดยเฉพาะ และโจทก์ได้คำนวณเงินเพิ่มดังกล่าวจนครบถ้วนมาในฟ้องแล้ว จึงจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้อีกหาได้ไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยดังกล่าวจากจำเลย”
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามชำระเงินอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล พร้อมเงินเพิ่มรวมจำนวน 69,909.36 บาทให้แก่โจทก์.