คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอขับไล่จำเลยออกจากเรือนซึ่งโจทก์รับซื้อฝากจากจำเลยและพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าได้ติดต่อขอไถ่คืนภายในกำหนดแล้ว แต่โจทก์เบี่ยงบ่ายจนพ้นกำหนดอายุขายฝาก ทั้งเมื่อพ้นกำหนดแล้วจำเลยขอไถ่โจทก์ก็ยินยอมและรับเงินสินไถ่บางส่วนไปแล้ว ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังข้อต่อสู้ของจำเลย กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทก็จะต้องกลับคืนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 492 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ คดีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยต่อไป จะงดสืบพยานเสียมิชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับซื้อฝากเรือนจากจำเลย ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ไถ่คืนเรือนจึงตกเป็นของโจทก์ และจำเลยได้ขออาศัยอยู่ในเรือนนี้ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอาศัยต่อไป ได้แจ้งให้ทราบแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่

จำเลยต่อสู้ว่า ก่อนครบกำหนดอายุขายฝาก จำเลยได้ติดต่อขอไถ่คืนแล้ว โจทก์ตกลง แต่แล้วกลับบ่ายเบี่ยงจนพ้นกำหนดอายุขายฝาก เมื่อพ้นกำหนดโจทก์ยังได้ขอไถ่อีก โจทก์ยินยอมและรับเงินสินไถ่ไปบางส่วนแล้วแต่กลับไม่ไปจดทะเบียนไถ่ถอนและรับชำระเงินสินไถ่ที่เหลือ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษาให้ขับไล่จำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 492ถ้าผู้ขายฝากไถ่คืนภายในกำหนดเวลา ถือว่ากรรมสิทธิ์ไม่เคยตกไปแก่ผู้ซื้อเลย ฉะนั้น ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังข้อต่อสู้ของจำเลยกรรมสิทธิ์เหนือเรือนพิพาทก็จะต้องกลับคืนไปเป็นของจำเลย และกรรมสิทธิ์นั้นไม่เคยตกเป็นของโจทก์เลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ คดีจึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยต่อไป

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

Share