คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อบังคับซึ่งออกตามความมาตรา 16 แห่งพ.ร.บ.+วางการรถไฟ พ.ศ.2464 นั้นไม่ใช่กฎหมายเป็นเพียง+บังคับได้ตามกฎหมายข้อบังคับได้ตามกฎหมาย ข้อบังคับค่าระวางรถไฟสันนิษฐานว่าคนทั้งปวงได้รู้เมื่อได้ปิดประจำประจักษ์+ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง พิจารณาแพ่ง หน้าที่นำสืบ หน้าที่ของศาล +ไม่มีหน้าที่ค้นคว้าหาหลัก+ให้คู่ความ เป็นหน้าที่+คู่ความ เป็นหน้าที่+คู่ความต้องนำสืบให้+เห็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์บรรทุกสินค้าจากรุงเทพ ฯ ไปถึงพิษณุโลกเป็นราคา ๕๑ บาท จำเลยได้ชำระเงินให้แล้วภายหลังปรากฎว่าพนักงานของโจทก์คิดค่าระวางผิดไป ความจริงควรเป็น ๑๐๘ บาท ๙๐ สตางค์ โดยโจทก์อาศัยอำนาจตามกฎข้อบังคับสมุดอัตราสินค้าเล่ม ๙ ข้อ ๘ ซึ่งบัญญัติให้กรมรถไฟหลวงมีอำนาจที่จะแก้ไขค่าระวางที่ยังคลาดเคลื่อนได้เสมอไป จึงขอให้ศาลบังคับให้ใช้เงินยังขาดอยู่อีก ๕๗ บาท ๙๐ สตางค์
จำเลยต่อสู้ว่า สมุดข้อบังคับแลอัตราสินค้าของโจทก์นั้นรู้แต่เพียงในวงงานของโจทก์ คนภายนอกเช่นจำเลยไม่สามารถรู้ได้
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยปฏิเสธเช่นนี้โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบว่าสมุดอัตราค่าระวางสินค้าที่โจทก์อ้างได้ออกถูกตามความใน ม.๑๖ แห่งพ.ร.บ.จัดวางการรถไฟแลทางหลวง พ.ศ.๒๔๖๔ ที่บัญญัติว่ากรมรถไฟต้องพิมพ์กฎข้อบังคับนั้นปิดประจำไว้ให้ประจักษ์แจ้งที่สถานีรถไฟทุกแห่ง จึงจะสันนิษฐานได้ว่าชนทั้งปวงซึ่งได้ใช้รถไฟรวมทั้งจำเลยด้วยได้ทราบอัตราค่าระวางรถไฟ นั้นแล้วเมื่อโจทก์ไม่นำสืบจะฟังว่าจำเลยได้รู้ถึงกฎข้อบังคับนี้หาได้ไม่ แลเรื่องอัตราค่าระวางสินค้าซึ่งให้อำนาจผู้บัญชาการรถไฟออกประกาศแลใช้ได้ทีเดียวนั้นเป็นแต่เพียงกฎหมายให้อำนาจออกกฎข้อบังคับให้มีผลบังคับได้ตามกฎหมายเท่านั้น หาใช่เป็นการออกกฎข้อบังคับเป็นตัวบทกฎหมายไม่ เมื่อโจทก์จะให้กฎข้อบังคับสันนิษฐานว่าชนทั้งปวงรวมทั้งจำเลยทราบด้วยโจทก์ต้องสืบให้เห็นว่ากฎข้อบังคับนี้ได้ออกถูกต้องตาม ม.๑๖ คือได้พิมพ์ประกาศไว้ที่สถานีทุกแห่งแล้ว แลข้อที่โจทก์แถลงว่าเมื่อศาลสงสัยก็ควรจะสอบถามเพว่อให้ได้ความว่าได้ออกถูกต้องตาม ม.๑๖ แล้วนั้น เห็นว่าในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ไม่สืบโดยแถลงว่าหมดพะยานแล้วหาใช่หน้าที่ของศาลที่จะต้องช่วยค้นหาพะยานให้โจทก์ไม่ เมื่อโจทก์ไม่สืบก็ต้องถือว่าโจทก์สืบไม่ได้สมฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share