แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขับรถยนต์ชนรถยนต์เขาโดยประมาทจนถูกผู้ว่าคดีฟ้องคดีอาญาศาลพิพากษาลงโทษแล้ว เจ้าของรถที่ถูกชนย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตร 51 วรรค 2 มีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายแม้เกิน 1 ปี นับแต่วันเกิดเหตุได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคนขับรถของจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถชนรถโจทก์เสียหาย ๓๗,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจทก์ขับรถโดยประมาทจนถูกศาลพิพากษาลงโทษทางอาญาแล้ว ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การอย่างเดียวกันและฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย ๓๐,๒๗๓ บาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าฟ้องแย้งขาดอายุความ ๑ ปี เพราะจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องและคาดว่าค่าเสียหายเกินความจริง
ก่อนชี้สองสถาน โจทก์ขอถอนฟ้องอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีอาญาว่าโจทก์เป็นผู้ละเมิดคดีถึงที่สุด จำเลยคัดค้าน ศาลแพ่งไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง และพิจารณต่อไปแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย ๒๐,๑๗๐ บาท แก่จำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่ผู้เสียหายและคดีขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นับแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันที่จำเลยที่ ๒ ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายเกิน ๑ ปีจริง แต่เป็นเวลาภายหลังที่ผู้ว่าคดีได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีอาญาซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษโจทก์ จำเลยที่ ๒ จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๑ วรรค ๒ ซึ่งทำให้อายุความที่จะฟ้องทางแพ่งสดุดหยุดลง ฟ้องแย้งจึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน