แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 ให้อำนาจควบคุมผู้ต้องหาในกรณีกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ ได้เท่าที่จำเป็นแก่การสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่ให้ควบคุมโดยไม่มีกำหนด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 วางหลักเป็นประกันเสรีภาพของประชาชนไว้ 2 ตอน ตอนต้นว่า จะควบคุมตัวผู้ต้องหาเกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ได้ ตอนที่สองว่า ความจำเป็นดังกล่าวจะจำเป็นเพียงใดก็ตาม ก็จะควบคุมเกินกว่ากำหนดเวลาดังบัญญัติไว้ไม่ได้
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 เป็นการแก้ไขและขยายระยะเวลาคั่นสูงดังกำหนดไว้ในมาตรา 87 ไม่ได้ยกเลิกหลักใหญ่ของมาตรานี้ที่ให้ ควบคุมผู้ต้องหาได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2505)
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลพิจารณษมีคำสั่งและคำพิพากษารวมกัน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เนื่องจากได้มีการปฏิวัติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ร้องในข้อหาว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์และความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ เริ่มแต่วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๐๑ แล้วควบคุมตลอดมาจนบัดนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าพนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องไว้ โดยมิชอบ และขอให้มีคำสั่งปล่อย
เดิมศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง เพราะเห็นว่าข้อหาที่ผู้ร้องถูกกล่าวหาอยู่ในอำนาจศาลทหาร ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณาสั่ง แต่ศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องถูกควบคุมอยู่ในระหว่างสอบสวนตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๒ ฟังไม่ได้ว่าต้องควบคุมอยู่ โดยผิดกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๒ เป็นการให้อำนาจควบคุมผู้ต้องหาในกรณีกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ เพื่อทำการสอบสวน แต่จะคิดว่าให้อำนาจควบคุมได้ตลอดไปไม่มี่กำหนดนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะการให้อำนาจควบคุมก็เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวน แม้แต่การลงโทษในทางอาญายังมีกำหนดเวลา นอกจากจะเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตแล้ว ก็ไฉนการควบคุมเพียงเพื่อการสอบสวนจะไม่มีกำหนด ในระบอบประชาธิปไตย การเทอดทูนสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเป็นหลักการที่สำคัญ การแปลว่าให้อำนาจควบคุมโดยไม่มีกำหนดเวลาเท่ากับให้ร้ายคณะปฏิวัติว่าไม่ห่วงใยในเสรีภาพของบุคคลผู้ต้องหาอันเป็นสิ่งที่หวงแหน ซึ่งหาอาจที่จะเป็นไปได้ไม่ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๒ นี้กล่าวว่า ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาไว้ตลอดระยะเวลาที่ทำการสอบสวน ถ้อยคำที่ใช้ในประกาศฉบับนี้ก็ให้มีความเข้าใจอยู่แล้วว่า ให้อำนาจพนักงานสอบสวนที่จะควบคุมผู้ต้องหาดังกล่าวไว้เท่าที่จำเป็นแก่การสอบสวนเท่านั้น
เรื่องสอบสวนนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ วางหลักไว้เป็นประกันเสรีภาพของประชาชนว่า พนักงานสอบสวนจะควบุคมผู้ต้องหาไว้ได้เพียงไม่เกินจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี และบัญญัติกำกับไว้อีกทีหนึ่งว่า ความจำเป็นดังกล่าวต้องไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมง หรือ ๗ วัน หรือตามแต่ศาลจะสั่งขังได้ ซึ่งต้องไม่เกิน ๘๔ วัน เป็นการกำหนดคั่นสูงไว้เป็นประกัน เสรีภาพของประชาชนอีกชั้นหนึ่ง บทบัญญัติมาตรา ๘๗ จึงเป็นสองตอน คือ ตอนต้นว่าจะควบคุมผู้ต้องหาเกินกว่า จำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ได้ ตอนที่สองว่า ความจำเป็นดังกล่าวแล้ว จะจำเป็นเพียงใดก็ตาม ก็ยังกำหนดเวลาดังบัญญัติไว้ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๒ เป็นการแก้ไขและขยายระยะเวลาคั่นสูงดังกำหนดไว้ในมาตรา ๘๗ ดังกล่าว ไม่ได้ยกเลิกหลักใหญ่ของมาตรา ๘๗ ที่ให้ขังผู้ต้องหาได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น สรุปแล้วที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๒ ให้อำนาจพนักงานสอบสวนที่จะควบคุมผู้ต้องหาว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้เท่าที่จำเป็นแก่การสอบสวน ไม่ใช่ว่าให้ควมคุบโดยไม่มีกำหนด
ในการที่จะพิจารณาว่าผู้ร้องคนใดถูกควบคุมในชั้นสอบสวนเกินกว่าที่ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๒ ให้อำนาจไว้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป สุดแล้วแต่ความจำเป็นในการสอบสวน คดีนี้ ผู้ร้องร้องว่าต้องถูกควบคุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๐ ศาลชอบที่จะสอบถามพนักงานสอบสวนว่ามีความจำเป็นแก่การสอบสวนที่จะต้องควบคุมผู้ร้องคนใดไว้ต่อไปอย่างไรหรือไม่ หากปรากฏว่าผู้ร้องคนใดถูกควบคุมมาเกินกว่าความจำเป็นในการสอบสวนแล้ว ก็ชอบที่จะสั่งปล่อยผู้ร้องคนนั้นเสีย
พิพากษาาให้ยกคำสั่งศาลล่าง ย้อนสำนวนไปให้ศาลอาญา ดำเนินการไต่สวนต่อไป แล้วมีคำสั่งตามแนวข้อกฎหมายตามควรแก่รูปเรื่อง