แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้ให้เป็นไปตามสภาพเดิม การที่จำเลยเปิดเหมืองตามคำบังคับของศาลแล้วต่อมาเพียงเดือนเดียวกลับปิดเสียใหม่ในที่ห่างกันเพียงแขนเดียว ทำให้น้ำกลับท่วมเต็มดังเช่นเดิมอีก การกระทำของจำเลยเช่นนี้ย่อมส่อให้เห็นเจตนาว่าทำไปเพื่อเลี่ยงในการที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลนั้นเอง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2503)
ย่อยาว
คดีนี้ กรณีเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดเหมืองเป็นเหตุให้น้ำท่วมนาโจทก์เสียหาย จึงให้จำเลยรื้อ จำเลยแพ้คดี ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้นั้นให้เป็นไปตามสภาพเดิมจำเลยจึงรื้อสิ่งที่ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2500 ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายนปีเดียวกันจำเลยปิดกั้นลำเหมืองนั้นอีกโจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้จับตัวจำเลยมาขังฐานฝ่าฝืนหมายบังคับคดีของศาล
ศาลชั้นต้นเรียกตัวจำเลยมาสอบถาม จำเลยแถลงว่าไม่ได้ปิดที่เดิมได้ปิดเหนือจากที่เดิมประมาณ 1 แขน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับแล้ว การปิดกั้นใหม่ถ้าจะเป็นละเมิด ก็เป็นการกระทำละเมิดใหม่ ศาลจึงไม่มีอำนาจบังคับจำเลย จึงให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้จัดการกับจำเลยตามกฎหมาย เพื่อให้จำเลยปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำบังคับของศาล จำเลยจะต้องเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้นั้นให้เป็นไปตามสภาพเดิม อันเป็นการระงับความเสียหายของโจทก์อันเกิดจากการละเมิดของจำเลย การที่จำเลยเปิดเหมืองตามคำบังคับของศาลแล้วต่อมาเพียงเดือนเดียวจำเลยกลับปิดเสียใหม่ในที่ห่างกันเพียงแขนเดียว โจทก์ก็ร้องอยู่ว่าน้ำกลับท่วมเต็มดังเช่นเดิมอีก ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นพ้องด้วยข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่า การกระทำของจำเลยส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าทำไปเพื่อเลี่ยงในการที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลนั้นเอง ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย