คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าตลอดจนกฎกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกตามความแห่ง พ.ร.บ.นี้มิได้บังคับให้ต้องสอบสวนผู้เช่าในกรณีที่ผู้ให้เช่าขอเข้าอยู่ในห้องเช่าการสอบสวนในที่นี้ก็คือสอบสวนความจำเป็นของผู้ให้เช่าที่จะต้องเข้าอยู่ในห้องของตนที่ให้เช่า โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับความจำเป็นของผู้เช่าฉนั้นเมื่อคณะกรรมการสอบสวนผู้ให้เช่าแล้วลงมติไปโดยมิได้สอบสวนผู้เช่าเลยเช่นนี้จึงเป็นการชอบด้วย ก.ม. แล้ว
ผู้ให้เช่าจะร้องเท็จหรือปิดบังคณะกรรมการ ฯ เกี่ยวกับเรื่องขอเข้าอยู่ในห้องเช่าอย่างใดนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับกรรมการฯอย่างใด เมื่อคณะกรรมการได้ลงมติไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วย ก.ม.แล้ว ผู้เช่าจะอ้างเรื่องร้องเท็จนั้นมาทำลายมติของคณะกรรมการ ฯ ไม่ได้
ผู้ให้เช่าจะเข้าอยู่ในห้องเช่าต้องขอมติคณะกรรมการเมื่อคณะกรรมการฯลงมติให้ความยินยอมแก่ผู้ให้เช่าแล้ว ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ต่อไป (พอได้รับมติผู้ให้เช่าก็ใช้สิทธิความมติผู้เช่าไม่ยอมออก ผู้ให้เช่า จึงฟ้องขับไล่ จำเลยโดยอ้างมติคณะกรรมการ ฯ ผู้ให้เช่าตายลงระหว่างพิจารณาก่อนได้เข้าอยู่ในห้องเช่า) แม้ผู้ให้เช่าจะยังอยู่หรือตายไปก็ตาม ผู้เช่าจะอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ต่อไปไม่ได้ ภรรยาของผู้ให้เช่าจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นต้องร้องขอความยินยอมจากคณะกรรมการฯใหม่ มติของคณะกรรมการฯ ในกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิเฉพาะตัวของผู้ให้เช่า
ผู้ใดมีส่วนได้เสียตาม ก.ม. ในผลแห่งคดีใด อาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอดโดยยื่นคำร้องต่อศาล

ย่อยาว

ห้องพิพาทเลขที่ ๕๗ และ ๕๙ โจทก์เป็นผู้เช่าแล้ว นายวาทซื้อมาจากเจ้าของเดิมและได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยในฐานะคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าโดยอ้างเหตุที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จว่าไม่มีที่อยู่ คณะกรรมการ (จำเลย) หลงเชื่อยินยอมให้นายวาทเข้าอยู่ในห้องพิพาทและนายวาทได้ฟ้องขับไล่โจทก์ คดีอยู่ระหว่างพิจารณา
โจทก์จึงฟ้องจำเลยว่า มติให้ความยินยอมของคณะกรรมการ (จำเลย) นายวาทได้มาโดยไม่สุจริต และจำเลยมิได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงโดยมิได้สอบสวนโจทก์หรือให้โจทก์ชี้แจงโต้แย้ง จึงขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของจำเลยดังกล่าวไม่สมบูรณ์ ขอให้เพิกถอนและแสดงว่ามติเช่นนั้นใช้+โจทก์ผู้เช่าไม่ได้
นางบุญชู เป็นภรรยานายวาทร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่านายวาทถึงแก่กรรมแล้ว ได้รับมรดกความเรื่องฟ้องขับไล่โจทก์
จำเลยโต้แย้งว่าผู้ร้องสอดไม่มีส่วนได้เสียกับคณะกรรมการ ฯ(จำเลย) ไม่ควรอนุญาตให้เข้าเป็นจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้ร้องสอดจะเกิดสิทธิได้ใช้ห้องพิพาทตามมติของคณะกรรมการ ฯ (จำเลย) สิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๕๗ วรรค ๑ จึงอนุญาต
จำเลยที่ ๑ ถึง ๗ ต่อสู้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วย ก.ม. แล้ว ก.ม. มิได้บังคับให้ต้องสอบสวนผู้เช่า มติของคณะกรรมการ ฯ เป็นการใช้ดุลยพินิจตามอำนาจใน ก.ม.
นางบุญชู ต่อสู้ทำนองเดียวกับจำเลยที่ ๗
โจทก์ร้องว่านางบุญชูจะเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีไม่ได้ เพราะคดีนี้ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตายและมติของคณะกรรมการ ฯ เป็นสิทธิเฉพาะนายวาทผู้เดียวเมื่อตายไปแล้ว สิทธิอันนี้ย่อมระงับไปนางบุญชูต้องไปร้องขอมติใหม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าศาลจะทำลายล้างมติของคณะกรรมการ ฯ (จำเลย) ไม่ได้เป็นเรื่องดุลยพินิจ และมตินั้นเด็ดขาดย่อมอนุมัติไปแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องในปัญหา ๒ ข้อ ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และวินิจฉัยแก้อุทธรณ์ของโจทก์ว่า
เรื่องที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางบุญชู เข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๒๒๖ (๒) คำร้องของโจทก์ฉบับนั้น(๓๐ มี.ค.๙๖ ) เป็นแต่เพียงขอให้ศาลรับวินิจฉัยประกอบคดีโจทก์เท่านั้น ไม่ได้แสดงชัดเจนว่าเป็นการโต้แย้งเพื่ออุทธรณ์ต่อไป ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัย อนึ่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่ามิได้บัญญัติห้ามในเรื่องรับมรดกความเมื่อนายวาทตายการรับมรดกความต้องเป็นไปตาม ก.ม. ธรรมดา คือประมวลกฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา ศาลสั่งรับฎีกาในปัญหา ข้อ ก.ม. รวม ๔ ข้อเท่านั้น
ฎีกาของโจทก์ข้อ ๑ ที่ว่า คณะกรรมการ ฯ ลงมติไปโดยมิได้สอบสวนผู้เช่านั้นจะเป็นการชอบด้วย ก.ม. หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ตลอดจนกฎกระทรวงมหาดไทย ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.นี้มิได้มีบทบัญญัติบังคับไว้ให้ต้องสอบสวนผู้เช่าก่อนเลย อนึ่งการสอบสวนเพื่อลงมติในกรณีนี้ก็คือสอบสวนความจำเป็นผู้ให้เช่าที่จะต้องเข้าอยู่ในห้องของตนโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับความจำเป็นของผู้เช่า และได้มีการสอบสวนเช่นว่านี้แล้วจึงเป็นมติที่ชอบ
ข้อ ๒ ที่นายวาทยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการ ฯ ให้เข้าใจผิดนั้น จะเป็นเหตุให้โจทก์อ้างเพื่อให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของคณะกรรมการ ฯ ได้หรือไม่ เห็นว่าเรื่องร้องเท็จหรือปิดบังความจริงนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ ฯ แต่อย่างใด เมื่อได้ลงมติไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วย ก.ม. แล้ว โจทก์จะอ้างเรื่องร้องเท็จนั้นมาทำลายมติของคณะกรรมการ ฯไม่ได้
ข้อ ๓ เมื่อนายวาทตายแล้วมติของคณะกรรมการ ฯ ย่อมระงับไปหรือรับมรดกแทนกันได้ เห็นว่า ตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะเข้าอยู่ในห้องเช่าต้องขอมติคณะกรรมการ ฯ เมื่อ คณะกรรมการ ฯ ลงมติให้ความยินยอมแก่นายวาทแล้ว โจทก์ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าต่อไป แม้นายวาทจะยังอยู่หรือตายไปก็ตาม โจทก์จะอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าต่อไปไม่ได้ นายบุญชู จำเลยร่วม จึงไม่จำเป็นจะต้องร้องขอความยินยอมจากคณะกรรมการ ฯ ควบคุมค่าเช่าใหม่ คดีไม่มีปัญหาในเรื่องมติของคณะกรรมการ ฯ จะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของนายวาทหรือไม่
ข้อ ๔ ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้นางบุญชู เข้าเป็นจำเลยร่วม เป็นการชอบด้วยก.ม.หรือไม่ เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยโดยอ้างว่าโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ถูกต้อง ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๒๒๖ (๒) นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไปแล้วโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้อง(ฉบับลงวันที่ ๓๐ มีค.๙๖) อธิบายเหตุผลคัดค้านเป็นการร้องโต้แย้งคำสั่งนั้นโดยตรงอยู่แล้ว แต่ปัญหาข้อนี้ไม่อาจทำให้ผลแห่งคำพิพากษาต้องเปลี่ยนไปประการใดศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ในชั้นนี้โดยเห็นว่า นางบุญชูมีส่วนได้เสียตาม ก.ม. ในผลแห่งคดีเรื่องนี้ ย่อมมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๕๗(๒) ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share