คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนและขนย้ายท่อส่งน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องออกไปจากที่พิพาทของโจทก์จำเลยทั้งสามให้การว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะขอให้ยกฟ้องประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณะซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันเมื่อมีราคาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สาม รื้อถอน ขนย้าย ท่อส่งน้ำและ อุปกรณ์ ที่ เกี่ยวข้อง ออก ไป จาก ที่ดิน โฉนด เลขที่ 33114 และ ที่ งอกของ ที่ดิน ดังกล่าว และ ส่งมอบ ที่ดิน แก่ โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อย ห้าม จำเลยทั้ง สาม เข้า มา เกี่ยวข้อง อีก หาก จำเลย ทั้ง สาม ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้โจทก์ มีสิทธิ รื้อถอน ได้เอง โดย จำเลย ทั้ง สาม เป็น ผู้ ออก ค่าใช้จ่าย
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สามรื้อถอน และ ขนย้าย ท่อส่งน้ำ และ อุปกรณ์ ที่ เกี่ยวข้อง ออก ไป จาก ที่พิพาทและ ที่ งอก ของ ที่พิพาท ซึ่ง เป็น ของ โจทก์ จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ว่าที่ดิน ที่ จำเลย ก่อสร้าง ท่อส่งน้ำ เป็น ที่สาธารณะ หาก ท่อส่งน้ำ ส่วน ใดรุกเข้า ไป ใน ที่พิพาท โจทก์ ก็ ยินยอม หรือ อุทิศ ให้ เป็น สาธารณประโยชน์เพื่อ สร้าง ท่อส่งน้ำ ผ่าน แล้ว ขอให้ ยกฟ้อง โจทก์ จำเลย ทั้ง สาม จึงโต้เถียง กัน ใน ประเด็น ที่ ว่า ที่พิพาท เป็น ของ โจทก์ หรือ เป็น ที่สาธารณประโยชน์ ซึ่ง เป็น คดีมีทุนทรัพย์ ตาม ราคา ทรัพย์สิน ที่พิพาทกัน เมื่อ ปรากฏ รายงาน กระบวนพิจารณา ฉบับ ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์2538 ของ ศาลชั้นต้น ว่า ที่พิพาท มี การ ขุดดิน เพื่อ วาง ท่อ กว้าง 2.5เมตร ยาว 120 เมตร คิด คำนวณ เป็น เนื้อที่ แล้ว เท่ากับ 75 ตารางวาและ คู่ความ มิได้ โต้เถียง เป็น ประการอื่น ว่า ที่พิพาท มี ราคา ตาม ราคาประเมิน ตารางวา ละ 1,000 บาท ราคา ทรัพย์สิน ที่พิพาท กัน รวมเป็น เงิน 75,000 บาท ซึ่ง ไม่เกิน สอง แสน บาท คดี จึง ต้องห้าม มิให้ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า แผนที่ วิวาท หมาย จ. 2ยัง รับฟัง เป็น ที่ ยุติ ไม่ได้ ว่า ที่ดิน ของ โจทก์ มี อาณาเขต เนื้อที่เท่าใด และ ท่อส่งน้ำ อยู่ ใน ที่ดิน ของ โจทก์ ตาม แผนที่ วิวาท หรือไม่พยานโจทก์ ที่ นำสืบ จึง มี น้ำหนัก น้อยกว่า พยาน จำเลย ข้อเท็จจริงยัง ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย ได้ วาง ท่อส่งน้ำ ใน ที่ดิน ของ โจทก์ ที่ โจทก์ ฎีกาว่า พยานโจทก์ มี น้ำหนัก ให้ รับฟัง ว่า ท่อส่งน้ำ ของ จำเลย ที่ 1 รุกล้ำเข้า ไป ใน ที่ดิน ของ โจทก์ และ ตาม แผนที่ วิวาท หมาย จ. 2 ได้ มี การ รังวัดต่อหน้า จำเลย ที่ 2 นาย จงกล พุฒิศิริ นาย ดนัย อังสาปรีชา และ ทนายจำเลย ทั้ง สาม หาก นาย สุจินต์ รังวัด ไม่ถูกต้อง หรือ เข้า ข้าง ฝ่าย โจทก์ จำเลย ที่ 2 กับพวก ก็ ย่อม จะ โต้แย้ง คัดค้าน แต่ ไม่ปรากฏว่า ฝ่าย จำเลย ได้ โต้แย้ง คัดค้าน การ รังวัด ครั้ง นั้น ไม่ และ แผนที่ วิวาทหมาย จ. 2 ก็ ได้ ระบุ ไว้ ชัดแจ้ง แล้ว ถึง อาณาเขต ความ กว้าง ความยาวแนว ท่อส่งน้ำ และ นาย สุจินต์ ยัง เบิกความ รับรอง แผนที่ วิวาท หมาย จ. 2 แผนที่ วิวาท หมาย จ. 2 จึง รับฟัง เป็น พยาน ได้ โดย ปราศจากข้อสงสัย นั้น เป็น ฎีกา โต้แย้ง ดุลพินิจ ใน การ รับฟัง พยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ ที่ ฟัง ว่า แผนที่ วิวาท หมาย จ. 2 ยัง รับฟัง เป็น จริง ไม่ได้และ ข้อเท็จจริง ยัง ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย ได้ วาง ท่อส่งน้ำ ใน ที่ดินของ โจทก์ เป็น ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ซึ่ง ต้องห้าม มิให้ ฎีกา ตาม บท กฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย และ ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า โจทก์ เข้าใจ ว่าการ ก่อสร้าง ท่อส่งน้ำ ทำ ลง ใน เขต คลอง ลาว ไม่มี เหตุผล อัน ใดที่ โจทก์ จะ ต้อง ไป โต้แย้ง คัดค้าน และ เอกสาร หมาย ล. 6 หา ได้ มี ชื่อโจทก์ หรือ มารดา โจทก์ ไม่ ข้อเท็จจริง ยัง ถือไม่ได้ว่า โจทก์ หรือ มารดาโจทก์ ได้ ยก ที่พิพาท ให้ เป็น ที่สาธารณประโยชน์ นั้น เห็นว่า ใน การ ที่จะ วินิจฉัย ปัญหา ดังกล่าว ย่อม ต้อง อาศัย ฟัง ข้อเท็จจริง ใน ปัญหา ที่ ว่าจำเลย ทั้ง สาม ก่อสร้าง ท่อส่งน้ำ ใน ที่ดิน ของ โจทก์ หรือไม่ เมื่อ คดีโจทก์ ต้องห้าม มิให้ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง และ ศาลอุทธรณ์ ฟัง ข้อเท็จจริง ว่าจำเลย ทั้ง สาม มิได้ ก่อสร้าง ท่อส่งน้ำ ใน ที่ดิน ของ โจทก์ แล้ว ฎีกา โจทก์ใน ปัญหา นี้ จึง เป็น ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย เช่นกัน ”
พิพากษายก ฎีกา โจทก์

Share