คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3140/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำฟ้องที่บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการธนาคารของโจทก์สาขาตลาดพลู มีหน้าที่ตามที่จำเลยได้สัญญาไว้ในใบสมัครงาน คือจะปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาด้วยความขยันหมั่นเพียรและซื่อสัตย์ สุจริต หากประพฤติผิดคำรับรองใด ๆโจทก์มีสิทธิเลิกจ้างได้ทันทีและจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ข้อความในใบสมัครงานถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว จำเลยต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ในคำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุว่าให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามสัญญาจ้างด้วย ถือว่าเป็นการบรรยายฟ้องเพื่อขอให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ ทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิด ซึ่งสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานกฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้กำหนดอายุความ10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2517 จำเลยสมัครเข้าเป็นลูกจ้างของโจทก์โดยตกลงว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ทุกประการหากจำเลยทำผิดข้อตกลงและโจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างและจำเลยตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จนสิ้นเชิง โจทก์ตกลงจ้างจำเลยเป็นลูกจ้าง ครั้งสุดท้ายจำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการของโจทก์สาขาตลาดพลู และได้ลาออกเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2525 ในการปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้จัดการดังกล่าว จำเลยมีหน้าที่ดูแลกิจการต่าง ๆ ของโจทก์ภายในสาขาให้เรียบร้อยทั้งการให้สินเชื่อและการออกหนังสือค้ำประกันแก่ลูกค้าของโจทก์ โดยต้องปฏิบัติตามคำสั่งและระเบียบการปฏิบัติงานของโจทก์อย่างเคร่งครัด เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2520 นายเลียงบักแซ่เตีย ได้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้กับโจทก์ จำเลยมีหน้าที่ควบคุมดูแลมิให้ลูกค้าประเภทบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเบิกเงินออกจากบัญชีมากกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีเว้นแต่กรณีจำเป็นจำเลยมีอำนาจอนุมัติให้ลูกค้าที่มีเงินฝากเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดีเบิกเงินเกินบัญชีได้อย่างสูงไม่เกินรายละ 30,000 บาท และต้องชำระคืนภายในไวลาไม่เกิน 5 วัน และในเดือนหนึ่ง ๆ จะเบิกเงินเกินบัญชีชั่วคราวเกิน 10 วันไม่ได้ หากเกินกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยมีหน้าที่ให้ลูกค้าทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีตามระเบียบของโจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้อนุมัติให้นายเลียงบัก แซ่เตียเบิกเงินออกจากบัญชีเกินกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีเกินกว่า30,000 บาท โดยไม่ดำเนินการให้นายเลียงบัก แซ่เตีย ชำระเงินคืนให้แก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาและไม่ดำเนินการให้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแต่ประการใด อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินไปมากกว่า 73,663 บาท 83 สตางค์ โดยไม่มีเหตุอันควร และเพียงวันที่ 30 ธันวาคม 2526 นายเลียงบัก แซ่เตียเป็นลูกหนี้โจทก์เป็นเงิน 87,757 บาท 32 สตางค์ จำเลยในฐานะลูกจ้างผู้ปฏิบัติผิดสัญญาจ้างจึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวนดัวกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 31 ธันวาคม2526 ถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 20,142 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 107,899บาท 32 สตางค์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายตามสัญญาจ้างเป็นเงิน 107,899 บาท 32 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน 87,757 บาท 32 สตางค์ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์ครบถ้วน
จำเลยให้การว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้จัดการของโจทก์สาขาตลาดพลู จำเลยมิได้กระทำความผิดหรือทำละเมิดต่อโจทก์ตามข้อบังคับหรือคำสั่งที่ 1/2525 ในการปล่อยเงินแก่ลูกค้าที่เกินวงเงินทุกครั้ง จำเลยได้ขออนุมัติจากโจทก์แล้ว เมื่อนายเลียงบัก แซ่เตีย ไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ จำเลยได้ติดตามทวงถามและให้มาทำสัญญากู้เบิกเงินกินบัญชีกับโจทก์หลายครั้งแต่นายเลียงบัก แซ่เตีย ไม่ยอมทำ จำเลยไม่สามารถบังคับได้ จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ตลอดมา จำเลยจึงมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์และหากจำเลยได้กระทำผิดจริงก็เป็นการละเมิดมิใช่ผิดสัญญาคดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า
1. จำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์อ้างหรือไม่เพียงใด
2. คดีขาดอายุความหรือไม่
3. ค่าเสียหาย
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ความผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยตามคำสั่งที่ 1/2525 มิใช่เป็นความผูกพันโดยมูลสัญญา การฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวเป็นการผิดหน้าที่ซึ่งเป็นมูลละเมิด โจทก์ฟ้องเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยทำการฝ่าฝืน ซึ่งโจทก์ได้ทราบในวันรุ่งขึ้น คดีขาดอายุความหนึ่งปีแล้ว ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ปัญหาแรกมีว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความเพราะเป็นกรณีละเมิดหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยสมัครงานกับโจทก์โดยระบุในใบสมัครว่าจำเลยจะปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หากผิดคำรับรองให้โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างได้และยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลย และคำสั่งของโจทก์ที่ 1/2515 ได้ออกใช้บังคับกับจำเลยโดยอาศัยข้อตกลงของจำเลยตามใบสมัครงาน คำสั่งของโจทก์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสภาพการจ้างความผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยเป็นความผูกพันตามสัญญาจ้างแรงงานคดีของโจทก์จึงมีอายุความสิบปี พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการของโจทก์สาขาตลาดพลูโดยจำเลยมีหน้าที่ตามที่จำเลยให้สัญญาไว้ในใบสมัครงานต่อโจทก์ลงวันที่ 16 กันยายน 2517 เอกสารหมายเลข 4 ท้ายคำฟ้องข้อ 1 และข้อ 2ว่า เมื่อธนาคารได้รับจำเลยเข้าปฏิบัติงานแล้ว จำเลยจะปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาด้วยความขยันหมั่นเพียรและซื่อสัตย์สุจริต หากจำเลยประพฤติผิดคำรับรองอย่างใด ๆ แล้ว โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างจำเลยได้ทันที และจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ข้อความในใบสมัครงานนี้ถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ออกคำสั่งที่ 1/2515 ลงวันที่ 1 มกราคม 2515 ตามเอกสารหมายเลข 5ท้ายคำฟ้องก่อนที่จำเลยจะเข้าทำงาน จำเลยในฐานะลูกจ้างจึงต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด และแม้ในคำขอท้ายคำฟ้อง โจทก์ก็ยังระบุไว้อีกว่า ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหายตามสัญญาจ้างด้วยจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการบรรยายฟ้องเพื่อขอให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิด ซึ่งในกรณีเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ทั้งสองประการ และสำหรับสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานนั้น กฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ กรณีจึงต้องใช้กำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยก่อนครบกำหนดสิบปีนับแต่วันที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาจ้างแรงงาน คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ และเนื่องจากศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 และข้อ 3 ตามที่ได้กำหนดไว้กรณีจึงจำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยประเด็นดังกล่าว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยประเด็นข้อ 1 และข้อ 3 แล้วพิพากษาใหม่ต่อไป”.

Share