คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเปลี่ยนป้ายชื่อของบริษัทลูกหนี้เป็นชื่อของบริษัทใหม่นั้น แม้จะเป็นทางให้เจ้าหนี้เข้าใจผิดได้ก็จริง แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการซ่อนเร้นทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้อันจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้บริษัทควีนเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นและหรือเป็นกรรมการของบริษัทนั้น ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2521 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยโดยเจตนามิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ ได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงป้ายชื่อบริษัทลูกหนี้เสียใหม่เป็นบริษัทเอ็มอีมาสเตอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เพื่อแสดงว่าบริษัทลูกหนี้ได้ย้ายไปหรือหยุดเลิกกิจการค้าเสียแล้ว ทั้งนี้เพื่อปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ ต่อมาวันที่ 21 กรกฎาคม 2521 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ จำเลย(ที่4) อ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้ตามแผนการณ์ที่จำเลยวางไว้ล่วงหน้า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การที่จำเลยเปลี่ยนป้ายชื่อบริษัทลูกหนี้เพียงเท่านี้ยังไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 นั้น ต้องเป็นการย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ของลูกหนี้ หรือแกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริง การที่จำเลยเปลี่ยนป้ายชื่อของบริษัทลูกหนี้นั้น อาจเป็นทางให้เจ้าหนี้เข้าใจผิดได้ก็จริง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะถือว่าเป็นการซ่อนเร้นทรัพย์ เพราะทรัพย์ของลูกหนี้ก็ยังคงอยู่ที่บริษัทลูกหนี้โดยไม่ได้มีการปกปิดมิให้รู้ว่าทรัพย์นั้นอยู่ที่ไหน อย่างใด จำเลยยังคงบริหารงานอยู่ที่บริษัทลูกหนี้ตามเดิม และโจทก์ยังคงนำเจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์ที่บริษัทลูกหนี้ได้โดยไม่มีอะไรมาปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์นั้นไว้ ที่จำเลยที่ 4 อ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดมิใช่ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้นั้น ก็เป็นเพียงข้ออ้างของจำเลยที่ 4 เท่านั้น ถือยังไม่ได้ว่าเป็นการย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปซึ่งทรัพย์ของลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 แต่ประการใด

พิพากษายืน

Share