คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4619/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ จำเลย และบุคคลอื่นอีกหลายคนตกลงเล่นแชร์โดยมี ก. เป็นนายวง จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระค่าแชร์โดยระบุชื่อ ก. เป็นผู้รับเงินและขีดคร่อมมอบให้ ก.ต่อมา ก.หลบหนีไป ดังนี้ การที่โจทก์เข้าร่วมประชุมตั้งวงแชร์และตกลงเข้าเป็นสมาชิกวงแชร์ด้วย โจทก์จึงอยู่ในฐานะที่ต้องรู้ถึงข้อตกลงในการเล่นแชร์ตลอดทั้งการที่สมาชิกต้องสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าวงแชร์ด้วย เมื่อก. หลบหนี เช็คที่สมาชิกสั่งจ่ายชำระค่าวงแชร์จึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ การที่โจทก์รับโอนเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระค่าแชร์มาไว้ในครอบครอง จึงเป็นการรับโอนเช็คด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ จำเลยทั้งสองและนายกฤษณ์สุขวิวัฒน์ศิริกุล กับพวกรวม 18 คน ได้เล่นแชร์กันหุ้นละ100,000 บาท โดยนายกฤษณ์เป็นนายวงซึ่งจะได้รับเงินเป็นคนแรกจำเลยทั้งสองได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทระบุชื่อนายกฤษณ์เป็นผู้รับเงินและขีดคร่อม แต่ก่อนที่เช็คจะถึงกำหนดเรียกเก็บ นายกฤษณ์ได้หลบหนีไป จำเลยจึงแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินแต่นายกฤษณ์และโจทก์ได้ร่วมกันโอนเช็คให้โจทก์ด้วยคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 100,600 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ จำเลยทั้งสอง นายกฤษณ์ นายชำนาญนายชาญณรงค์ และบุคคลอื่นอีกหลายคนตกลงเล่นแชร์กัน โดยนายกฤษณ์เป็นนายวงแชร์และมีสมาชิกทั้งหมด 18 หุ้น หุ้นละ 100,000 บาทมีการประมูลแชร์กันทุกวันที่ 11 ของเดือน จำเลยทั้งสองได้สั่งจ่ายเช็คพิพาท จำนวนเงิน 100,000 บาท ระบุชื่อนายกฤษณ์เป็นผู้รับเงินและขีดคร่อมมอบให้นายกฤษณ์เพื่อชำระค่าแชร์ ส่วนโจทก์ได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 100,000 บาท มอบให้นายกฤษณ์เพื่อชำระค่าแชร์ต่อมานายกฤษณ์หลบหนี แชร์วงนี้จึงล้มเลิกไปโดยยังไม่มีการประมูลการที่โจทก์เข้าร่วมประชุมตั้งวงแชร์และตกลงเข้าเป็นสมาชิกวงแชร์ด้วย โจทก์จึงอยู่ในฐานะที่ต้องรู้ถึงข้อตกลงในการเล่นแชร์ตลอดทั้งการที่สมาชิกต้องสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าแชร์ และย่อมรู้ว่าเมื่อนายกฤษณ์หลบหนีไป เช็คพิพาทรวมทั้งเช็คทุกฉบับที่สมาชิกสั่งจ่ายชำระค่าแชร์วงนี้ให้นายกฤษณ์เป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้พฤติการณ์ที่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทไว้ในครอบครองเช่นนี้เห็นได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยทั้งสองมีข้อต่อสู้อยู่กับนายกฤษณ์ผู้โอน ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทไว้ในครอบครองเนื่องจากนางวรรณานำเช็คพิพาทและเช็คฉบับอื่นอีกหลายฉบับที่นายกฤษณ์สลักหลังมาแลกเงินสดจากโจทก์และโจทก์ได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ให้แก่นางวรรณารวมเป็นเงิน 628,480 บาทและมีการเรียกเก็บเงินตามเช็คฉบับนี้แล้วเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากโจทก์รู้แล้วว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้เพราะแชร์ล้มเลิกแล้ว พฤติการณ์ที่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทและฉบับอื่นอีกหลายฉบับไว้แล้วสั่งจ่ายเช็คส่อพิรุธชวนให้สงสัยว่าจะเป็นวิธียืมมือโจทก์ให้นำเช็คพิพาทมาฟ้องจึงไม่มีเหตุผลอันควร โจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905, 916ประกอบมาตรา 989
พิพากษายืน

Share