คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามเป็นจำนวนมาก โดยมีเจตนาเพื่อการค้าหรือเพื่อการจำหน่ายนั้นไม่อยู่ในข่ายจะได้รับการยกเว้นไม่เอาโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518

ย่อยาว

โจทกืฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกที่หลบหนีได้บังอาจมีอาวุธปืนต่อสู้รถถัง 20 กระบอก กระสุนปืน เอม 72 เอ.2 จำนวน 20 นัด กระสุนปืน ปรส.57จำนวน 68 นัด ลูกกระสุนปืน เอม 79 ลูกกระทบแตก 152 นัด ลูกกระสุนปืนเอม 79 ลูกปราย 17 นัด ซึ่งเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ใช้ยิงได้ดีไว้ในความครอบครอง โดยจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันสั่ง นำเข้ามาซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนทั้งหมดดังกล่าวจากประเทศลาวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เพื่อการค้าหรือเพื่อการจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และจำเลยที่ 1 บังอาจมีปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด .38 ใช้ยิงได้ 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนขนาด .38 จำนวน 5 นัด ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72, 70, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 5, 8 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 กฎกระทรวงหมาดไทย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2501 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ข้อ (1)(9)(11)(16) ฯลฯ

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 5, 8 จำคุกคนละ 8 ปี จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2500 มาตรา 3 อีกกระทงหนึ่งจำคุก 1 ปี ฯลฯ

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 เฉพาะบทที่มีโทษหนักที่สุดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 5, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 9 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 6 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา

ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39(1)

ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำผิดตามที่โจทก์ฟ้องจริง และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยที่ 2 มี เป็นของที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแต่ละชนิดเป็นจำนวนมากโดยมีเจตนาเพื่อการค้าหรือเพื่อการจำหน่ายหาใช่เป็นกรณีมีไว้ในความครอบครอง จึงไม่อยู่ในข่ายจะได้รับการพิจารณายกเว้นไม่เอาโทษ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มุ่งหมายจะไม่เอาโทษคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2503 และฎีกาที่ 1452/2510 ที่จำเลยที่ 2 อ้างมา รูปคดีหาตรงกับคดีนี้ไม่ จึงใช้เป็นบรรทัดฐานไม่ได้

พิพากษายืน

Share