แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเอากระเป๋าเป้บรรจุสุราเครื่องคิดเลขเงินเหรียญและรองเท้าสเกตของผู้เสียหาย จากชั้นสองไปไว้บนชั้นสี่ซึ่งเป็นดาดฟ้าเป็นการพาทรัพย์เคลื่อนที่ไปและเข้าถือเอาทรัพย์นั้นแล้ว แม้จำเลยจะเอาทรัพย์ไปไม่ได้ เพราะบุตรของผู้เสียหายมาพบเสียก่อนก็เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปีนเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย งัดประตูห้องพัก ตู้ โต๊ะ แล้วลักเอาเครื่องคิดเลข เหล้า รองเท้าของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2525มาตรา 11
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ลงโทษจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 80 ลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…เห็นว่าพยานโจทก์ไม่รู้จักจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย พฤติการณ์ของจำเลยที่ลอบปีนเข้าไปในบ้านผู้เสียหายทางหน้าต่างในขณะที่ไม่มีคนอยู่ในบ้าน ในมือถือไขควงซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้งัดแงะได้ ประตูห้องผู้เสียหายและห้องเด็กชายยศวินท์มีรอยงัดแงะใหม่ ๆ ห้องถูกรื้อค้นทรัพย์ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้บนชั้นสี่ซึ่งเป็นดาดฟ้า แสดงว่าจำเลยเข้าไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายแต่เอาไปไม่ได้ เพราะบังเอิญเด็กชายยศวินท์มาพบเห็นเสียก่อน จำเลยรีบหนีออกมา จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อเอาตลับเมตรที่จำเลยทำตกลงไปอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านผู้เสียหายนั้นได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่า จำเลยก่ออิฐด้านหลังบ้านผู้เสียหายโดยกั้นรั้วจาก 3 เมตรให้สูง 5 เมตร เมื่อรั้วที่ก่ออยู่ด้านหลังนอกตัวอาคารบ้านผู้เสียหาย หากตลับเมตรของจำเลยตกก็ต้องตกไปที่พื้นดินด้านตรงกันข้ามกับรั้วหลังบ้านผู้เสียหาย จะตกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายไม่ได้ ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์นั้น เห็นว่า จำเลยได้เอากระเป๋าเป้บรรจุสุรา เครื่องคิดเลข เงินเหรียญและรองเท้าสเกตจากชั้นสองไปไว้บนชั้นสี่ซึ่งเป็นดาดฟ้าเป็นการพาทรัพย์เคลื่อนที่และเข้าครอบครองถือเอาทรัพย์นั้นแล้วแม้จะเอาทรัพย์ไปไม่ได้ เพราะบังเอิญเด็กชายยศวินท์มาเห็นเสียก่อนจำเลยก็มีความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว หาใช่พยายามลักทรัพย์ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ ปัญหาข้อนี้แม้โจทก์จะไม่ฎีกา การปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ แต่เพราะเหตุที่โจทก์ไม่ฎีกาศาลฎีกาจะกำหนดโทษจำเลยให้สูงกว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนดหาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335 วรรคสาม นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์’.