คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับฝากผ้าไปขายและซื้อเชื่อผ้าไปจากร้านศิริเอเซียซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนกัน แม้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์จะไม่มีอำนาจฟ้องเรียกหนี้ในนามของตนเองแต่ผู้เดียว แต่ภายหลังโจทก์ร่วมขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม การฟ้องเรียกหนี้จึงเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยทุกคน โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิฟ้องได้
เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและสิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน ได้ซื้อผ้าและรับฝากผ้าจากโจทก์ไปขาย ถ้าหากจำเลยไม่ส่งผ้าคืน จะชำระราคาแทนจำเลยได้ผ่อนชำระหลายครั้ง ค้างชำระอยู่ 21,876.50 บาท ขอให้จำเลยชำระพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะร้านศิริเอเซียเป็นของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์ ภริยาโจทก์และญาติอื่น ๆ โจทก์ฟ้องโดยไม่ได้รับความยินยอมเห็นชอบหรือได้รับมอบอำนาจหรือลงชื่อร่วมกันฟ้อง

นายเดียซิงห์ ซัทเทพ ยื่นคำร้องว่านายเดียซิงห์เป็นบิดาของโจทก์ มีหุ้นอยู่ในร้านศิริเอเซียโดยโจทก์เป็นผู้จัดการและที่โจทก์ฟ้องคดีนี้นายเดียซิงห์รู้เห็นยินยอมด้วย จึงขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าผ้าที่ค้างเป็นเงิน 21,276.25 บาท ให้โจทก์

จำเลยฎีกา

ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้รับฝากผ้าและซื้อเชื่อผ้าไปจากร้านศิริเอเซียซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนกันแม้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์จะไม่มีอำนาจฟ้องเรียกหนี้รายนี้ในนามของตนเองแต่ผู้เดียวก็ตาม แต่ภายหลังโจทก์ร่วมซึ่งเป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งก็ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม การฟ้องเรียกหนี้รายนี้จากจำเลยจึงเป็นการเรียกเพื่อประโยชน์แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันทุกคนแล้วโจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิฟ้องได้

ส่วนข้อเท็จจริงนั้น ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยทั้งสองได้ซื้อผ้าและรับฝากผ้าไปขายจากโจทก์ร่วม และฟังว่าจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์จริง อายุความย่อมสะดุดหยุดลง และสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1, จ.2, จ.3 ไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share