แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 วรรค 1 บัญญัติถึงกรณีที่ภริยาทำชู้กับผู้อื่น สามีจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาและชู้ได้ต่อเมื่อได้มีคำพิพากษาของศาลให้สามีภริยานั้นหย่ากันเสียก่อน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1505 วรรค 2 บัญญัติถึงกรณีสามีมีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวได้ อันมิใช่เรื่องภริยามีชู้ แต่เป็นเรื่องภริยาถูกล่วงเกินโดยไม่สมัครใจ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องให้ศาลพิพากษาให้สามีภริยาหย่ากันเสียก่อน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ข่มขืนชำเราภริยาโจทก์โดยภริยาโจทก์ไม่สมัครใจ อันเป็นการล่วงเกินในทางชู้สาว ดังนี้ กรณีจึงต้องด้วยมาตรา 1505 วรรค 2 แม้จะไม่มีคำพิพากษาของศาลให้โจทก์หย่าขาดจากภริยาเสียก่อน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สมรสกับนางบุญสวน พงศ์จันทร์เพ็ญโดยชอบด้วยกฎหมาย อยู่ร่วมกันจนมีบุตร ๖ คน ต่อมาโจทก์ต้องคำพิพากษาของศาลให้จำคุก ๓ ปี ในระหว่างโจทก์ต้องโทษ จำเลยจงใจละเมิดต่อโจทก์ กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๐๕ เวลากลางคืนจำเลยบังอาจใช้อำนาจหน้าที่ และมีปืนเป็นศาสตราวุธ บังคับขู่เข็ญ ขืนใจกระทำชำเรานางบุญสวน ภริยาโจทก์จนสำเร็จความใคร่ของจำเลย และจากนั้นมาจำเลยใช้อำนาจหน้าที่และเพทุบายขืนใจกระทำชำเรานางบุญสวนภริยาโจทก์เรื่อยมาหลายครั้งหลายหนจนภริยาโจทก์ตั้งครรภ์ได้ ๓ เดือน ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้ค่าทดแทนโจทก์ ๕,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การต่อสู้ว่า นางบุญสวนจะเป็นภริยาโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่ทราบจำเลยเป็นพนักงานสุขาภิบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด ได้ตักเตือนภริยาโจทก์ให้รักษาความสะอาดแท่นขายของหลายครั้งหลายหน ภริยาโจทก์ไม่พอใจถึงแกล้งปั้นเรื่องฟ้องจำเลยโดยมิเป็นความจริง แม้ทางพิจารณาจะเป็นประการใดก็ตามโจทก์รู้เห็นเป็ฯใจหรือยินยอมด้วยในกรณีภริยาโจทก์มีชู้ อนึ่ง โจทก์และภริยาโจทก์ได้หย่าขาดกันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า นางบุญสวนเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และไม่ปรากฏว่าหย่าขาดากันจนบัดนี้ ระหว่างโจทก์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จำเลยได้ร่วมประเวณีกับนางบุญสวน ถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ค่าเสียหายเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียง กำหนดได้ยาก ต้องคำนึงเป็นราย ๆ ไป สำหรับคดีนี้น่าเชื่อว่าจำเลยได้เคยตกลงจะให้ค่าเสียหายโจทก์ ๓,๐๐๐ บาท เป็นฯการสมควร จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายโจทก์ ๓,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเฉพาะข้อ ๒ ก.ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรยกร้องค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐๕ วรรค ๒ ได้ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐๕ บัญญัติเฉพาะกรณีศาลพิพากษาให้หย่ากันโดยภริยามีชู้เท่านั้น สามีจึงมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากภริยาและชู้ได้ แต่กรณีของโจทก์คดีนี้ โจทก์มิได้ฟ้องหย่ากับภริยาในเรื่องภริยามีชู้แต่อย่างใด ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐๕ บัญญัติว่า ” เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันโดยภริยามีชู้ สามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากภริยาและชู้
สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยา ไปในทำนองชู้สาวก็ได ฯลฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๑๕๐๕ วรรค ๑ บัญญัติถึงกรณีที่ภริยาทำชู้กับผู้อื่น สามีจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาและชู้ได้ต่อเมื่อได้มีคำพิพากษาของศาลให้สามีภริยานั้นหย่ากันเสียก่อนส่วนวรรค ๒ บัญญัติถึงกรณีสามีมีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวได้ อันมิใช่เรื่องภริยามีชู้ เป็นเรื่องถูกล่วงเกินโดยไม่สมัครใจ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องให้ศาลพิพากษาให้สามีภริยาหย่ากันเสียก่อน สามีจึงจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินภริยาตนในทางชู้สาวได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ข่มขืนขำเรานางบุญส่วนภริยาโจทก์ อันเป็นการล่วงเกินภริยาโจทก์ในทางชู้สาว
กรณีจึงต้องด้วยมาตรา ๑๕๐๕ วรรค ๒ แม้จะไม่มีคำพิพากษาของศาลให้โจทก์หย่าขาดจากนางบุญสวนภริยาโจทก์เสียก่อน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ พิพากษายืน