คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยอาจตกลงกันให้ถือเอาพยานหลักฐานในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ด้วยโดยโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานในคดีนี้ก็ได้ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2517 และวันที่ 1 สิงหาคม 2517 ให้ถือเอาพยานหลักฐานในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 182/2519 ของศาลชั้นต้น หรือคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 946/2520 ของศาลฎีกาเป็นพยานหลักฐานที่ผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ด้วย โดยโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานในคดีนี้ ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลบังคับได้ ปรากฏว่า ศาลฎีกาได้ฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 946/2520 ของศาลฎีกาว่าที่นาพิพาทตามโฉนดที่ 3986 และโฉนดที่ 4015 นายจิ๋ว นางจัน บิดามารดาโจทก์จำเลยมิได้ยกที่นาพิพาททั้ง 2 โฉนดให้แก่โจทก์ การที่โจทก์เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเข้าทำประโยชน์ในที่นาพิพาทเป็นเรื่องที่โจทก์ทำในฐานะเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้บิดามารดา มิได้มีเจตนายึดถือโดยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่นาพิพาททั้ง 2 แปลง ฟังได้ว่าที่นาพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาโจทก์จำเลยซึ่งตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่น ๆ ของบิดามารดาโจทก์จำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ที่โจทก์ฎีกาขอให้รวมพิจารณาพิพากษาคดีนี้กับคดีหมายเลขดำที่ 182/2517 ของศาลชั้นต้น (ตรงกับคดีหมายเลขดำของศาลฎีกาที่ 946/2520) ซึ่งขึ้นมาสู่ศาลฎีกาพร้อมกันเข้าด้วยกันนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าการรวมพิจารณาคดีทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน ไม่เป็นการสะดวกต่อศาลในการพิจารณา ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้รวมพิจารณาคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share