แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบเรื่องการย้ายภูมิลำเนาของโจทก์เพื่อให้จำเลยจัดส่งหนังสือแจ้งความแก่โจทก์ตามภูมิลำเนาใหม่ ตรงกันข้ามในการยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษี โจทก์ระบุภูมิลำเนาเดิม แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ใช้ภูมิลำเนาเดิมเป็นภูมิลำเนาของโจทก์อีกแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในการติดต่อกับจำเลยดังนี้การที่จำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินแก่โจทก์ ณ ภูมิลำเนาเดิมจึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว
การส่งหนังสือแจ้งความและหมายเรียกตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 36 วรรคแรก หมายความว่าหากมีการส่งโดยทางจดหมายไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ถือว่าเป็นการส่งที่ชอบแล้ว ส่วนผู้รับหนังสือไว้แทนกฎหมายมิได้บัญญัติว่าต้องมีอายุเกินยี่สิบปี ซึ่งเป็นกรณีบังคับใช้เฉพาะในกรณีให้คนนำไปส่งเท่านั้น ดังนี้เมื่อได้ความว่าบุรุษไปรษณีย์นำส่งหนังสือแจ้งรายการประเมินให้แก่เด็กหญิงส.อายุ 14 ปีเศษซึ่งเป็นผู้แทนของโจทก์ การส่งหนังสือดังกล่าวจึงชอบแล้ว
การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาประเมินใหม่ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินมาตรา 26 นั้น จะต้องยื่นภายในเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งความ หมายความถึงวันที่โจทก์หรือตัวแทนของโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งรายการประเมินนั่นเอง มิใช่ให้นับแต่วันที่โจทก์ทราบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถว ๒๐ ห้อง โจทก์ให้เช่าตึกแถวดังกล่าวและเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในปีภาษี ๒๕๒๔, ๒๕๒๕ และ ๒๕๒๖ ถูกต้องแล้ว จำเลยมีหนังสือแจ้งรายการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนถึงโจทก์โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ไปยังบ้านซึ่งโจทก์มิได้อยู่ที่นั่นเพราะย้ายนานแล้ว เด็กคนใช้ของโจทก์ซึ่งเฝ้าบ้านดังกล่าวได้เซ็นรับไว้ แต่ไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ เมื่อทราบโจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ จำเลยแจ้งว่าโจทก์หมดสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์เห็นว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ภายในกำหนดและการประเมินของจำเลยไม่ถูกต้อง จึงขอให้เพิกถอนการประเมินและคืนเงินภาษีที่เรียกเก็บเกินไป ๖๐,๑๐๗.๕๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินไว้ไม่ถูกต้อง จำเลยจึงแจ้งรายการประเมินไปให้โจทก์ทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินภาษีใหม่พ้นกำหนดเวลา ๑๕ วันตามที่กฎหมายกำหนด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่บ้านเลขที่ ๕๗/๙ หมู่ที่ ๒ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ แต่จำเลยส่งหนังสือแจ้งรายการประเมินไปยังภูมิลำเนาเดิมบ้านเลขที่ ๑๘๙ ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต จึงเป็นการส่งที่ไม่ชอบ เห็นว่าโจทก์มิได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ทราบเรื่องการย้ายภูมิลำเนาของโจทก์ดังกล่าว เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ จัดส่งหนังสือแจ้งความแก่โจทก์ตามภูมิลำเนาใหม่ ตรงกันข้ามในการยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในปี พ.ศ. ๒๕๒๔, ๒๕๒๕ และ ๒๕๒๖ ตามเอกสารหมาย ล.๑ ถึง ล.๓ โจทก์ระบุภูมิลำเนาไว้ว่าอยู่บ้านเลขที่ ๑๔๙ ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต ซึ่งแสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ใช้สถานที่นี้เป็นภูมิลำเนาของโจทก์อีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในการติดต่อกับจำเลย ที่โจทก์อ้างว่าลอกที่อยู่ดังกล่าวจากแบบฟอร์มแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินฉบับเก่า ๆ นั้น ไม่มีเหตุผลรับฟัง ดังนั้น การที่จำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินแก่โจทก์ไปยังบ้านเลขที่ ๑๘๙ ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต จึงเป็นการส่งไปยังภูมิลำเนาของโจทก์โดยชอบแล้ว โจทก์ฎีกาอีกประการหนึ่งว่า เด็กหญิงสำราญ ผ่อนผาแดง ซึ่งเป็นคนลงลายมือชื่อในใบตอบรับเอกสารหมาย ล.๔ ล.๕ และ ล.๖ ไว้แทนโจทก์ อายุยังไม่ถึง ๒๐ ปี ทำให้การส่งหนังสือแจ้งรายการประเมินเป็นการไม่ชอบ เห็นว่า ตามมาตรา ๓๖ วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ บัญญัติไว้ว่า “หนังสือแจ้งความและหมายเรียกตามพระราชบัญญัตินี้จะให้คนนำไปส่งหรือจะส่งโดยทางจดหมายไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ ถ้าให้คนนำไปส่งเมื่อผู้ส่งไม่พบผู้รับไซร้ จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งมีอายุเกินยี่สิบปีที่อยู่ในบ้านเรือนหรือสำนักการค้าของผู้รับก็ได้ และการส่งเช่นนี้ให้ถือว่าเป็นการพอเพียงตามกฎหมาย” ซึ่งมีความหมายว่า หากมีการส่งโดยทางจดหมายไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ถือว่าเป็นการส่งที่ชอบแล้ว ส่วนผู้รับหนังสือไว้แทนกฎหมายมิได้บัญญัติว่าต้องมีอายุเกินยี่สิบปี ซึ่งเป็นกรณีบังคับใช้เฉพาะในกรณีให้คนนำไปส่งเท่านั้น โจทก์มิได้แย้งว่าการนำส่งของบุรุษไปรษณีย์เป็นการไม่ชอบ จึงถือได้ว่าการนำส่งของบุรุษไปรษณีย์เป็นการชอบด้วยกฎหมายตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนดไว้แล้ว เมื่อโจทก์ส่งหนังสือแจ้งรายการประเมินถูกต้องตามมาตรา ๓๖ วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน และได้ความว่าบุรุษไปรษณีย์ได้นำส่งให้แก่ผู้แทนของโจทก์รับไว้โดยถูกต้องแล้ว โดยเด็กหญิงสำราญผู้รับก็มีอายุ ๑๔ ปีเศษ ดังนั้นจึงฟังได้ว่าการส่งหนังสือแจ้งรายการประเมินถึงโจทก์เป็นการชอบแล้ว
ในเรื่องโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ภายในกำหนดตามกฎหมายหรือไม่นั้น พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา ๒๖ บัญญัติไว้มีใจความว่า การยื่นคำร้องต้องยื่นภายในเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งความ ซึ่งย่อมหมายถึงวันที่โจทก์หรือตัวแทนของโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งรายการประเมินนั่นเอง กฎหมายมิได้กำหนดให้นับแต่วันที่ทราบดังที่โจทก์ฎีกา ทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นชัดว่าโจทก์ทราบเมื่อวันใด คงมีตัวโจทก์ปากเดียวเบิกความลอย ๆ ว่า เมื่อกลางเดือนสิงหาคม ๒๕๒๖ ยังไม่เกินกำหนด ๑๕ วันนับแต่โจทก์ได้รับทราบหนังสือแจ้งการประเมิน โจทก์ไปยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟัง จึงเห็นว่าต้องถือเอาวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๒๖ ซึ่งเป็นวันที่ตัวแทนของโจทก์ลงลายมือชื่อรับหนังสือไว้ในใบตอบรับเอกสารหมาย ล.๔ ถึง ล.๖ เป็นวันที่โจทก์ได้รับแจ้งความตามนัยแห่งมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามเอกสารหมาย ล.๘ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๖ เป็นเวลาล่วงพ้นเกินกว่ากำหนดสิบห้าวันแล้ว จึงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ภายในกำหนดตามกฎหมาย ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้พิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินใหม่ได้
พิพากษายืน