แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและผิดวินัยตามระเบียบของจำเลยโดยทุจริตและจงใจทำให้จำเลยเสียหาย การเลิกจ้างโจทก์จึงมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้ ศาลจำต้องฟังข้อเท็จจริงถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างว่าเป็นเพราะเหตุใด และเหตุดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนจะชอบด้วยระเบียบของจำเลยหรือไม่ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลจะวินิจฉัยในกรณีนี้ การที่ศาลแรงงานกลางเพียงแต่ฟังคำแถลงด้วยวาจาของฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นการแถลงของแต่ละฝ่ายโดยอีกฝ่ายมิได้ยอมรับข้อเท็จจริงด้วย แล้วมีคำสั่งงดสืบพยานและวินิจฉัยว่าการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนไม่ชอบด้วยระเบียบของจำเลย การเลิกจ้างจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม นั้น เป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยการพิจารณาพิพากษา ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาใหม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2530 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมและเหตุอื่นๆ อีกหลายประการซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเป็นการเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ปรากฏสาเหตุความผิดไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม และให้จำเลยจ่ายค่าจ้างในระหว่างที่โจทก์ถูกเลิกจ้างจนถึงวันที่จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน หากจำเลยไม่อาจรับโจทก์เข้าทำงาน ให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายเนื่องจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าชดเชย พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของจำเลย ขาดการเอาใจใส่งานที่ได้รับมอบหมายไม่รักษาวินัยตามระเบียบว่าด้วยการพนักงานที่จำเลยประกาศใช้โดยไม่ปฏิบัติงานและหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เที่ยงธรรมและประพฤติตนอยู่ในความสุจริตจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายในด้านชื่อเสียงฯลฯ อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและผิดวินัยตามระเบียบของธนาคารจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้ มิใช่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนไม่ชอบด้วยระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการสอบสวนพนักงาน พ.ศ.2521 ข้อ 19 การเลิกจ้างจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าเสียหาย พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ประการแรกว่าคณะกรรมการสอบสวนโจทก์มีการแต่งตั้งตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการสอบสวนพนักงาน พ.ศ. 2521 แล้ว คณะกรรมการดังกล่าวจึงมีอำนาจที่จะทำการสอบสวนโจทก์โดยชอบพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้จำเลยเสียหายฯลฯ ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อที่ 1 ไว้ว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญา จงใจทำให้จำเลยเสียหาย ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ ดังนั้น การวินิจฉัยคดีในประเด็นข้อ 1 จึงจำเป็นที่ศาลแรงงานกลางต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้เสียก่อนว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และกระทำการต่างๆ ตามที่ได้กำหนดเป็นประเด็นไว้หรือไม่ ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางเพียงแต่ฟังคำแถลงด้วยวาจาต่อหน้าศาลของนายศิรัตน์ ธำรงรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของจำเลย 3 นัด ฟังคำแถลงด้วยวาจาของนายสมเกียรติ ศุขเทวาผู้อำนวยการฝ่ายพนักงานของจำเลย 1 นัด แล้วฟังคำแถลงด้วยวาจาต่อหน้าศาลของตัวโจทก์ 8 นัด ซึ่งการแถลงของแต่ละฝ่ายเป็นการแถลงด้วยวาจาฝ่ายเดียว พร้อมทั้งส่งเอกสารต่อศาล ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ยอมรับข้อเท็จจริงด้วยไม่ แล้วศาลแรงงานกลางสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไป โดยศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเพียงว่า การสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนไม่ชอบด้วยระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการสอบสวนพนักงาน พ.ศ. 2521 ข้อ 19 ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาหรือโจทก์ตามระเบียบ คำสั่งที่ ว.29/2530เรื่องให้พนักงานออกจากงาน จึงไม่ชอบและไม่เป็นธรรมด้วย การดำเนินกระบวนพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดคดีเช่นว่านี้หาเป็นการถูกต้องไม่ เพราะคดีนี้ ศาลจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างให้ได้เสียก่อนว่าเป็นเพราะเหตุใด จากนั้นจึงจะวินิจฉัยว่าการเลิกจ้างด้วยเหตุดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ สำหรับเรื่องการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนจะชอบด้วยระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการสอบสวนพนักงาน พ.ศ. 2521 ของจำเลยหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลจะวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า คดีปรากฏเหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยการพิจารณาพิพากษา มีเหตุสมควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาใหม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางทำการสืบพยานตามประเด็นที่กำหนดไว้แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามรูปความ.