คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารแห่งเอเซียเพื่อการอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม จำกัดสั่งจ่ายเงิน 100,000 บาทโดยจำเลยลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายแต่โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ทวงถามจำเลยแล้ว จำเลยไม่ชำระจึงขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทวงถามถึงวันฟ้องเป็นเงิน 6,875 บาทและนับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแต่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์และขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 21 กันยายน 2526 จนถึงวันที่จำเลยชำระเงินเสร็จดอกเบี้ยถึงวันฟ้องมิให้เกินกว่า6,875 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเท่ากับจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีในเรื่องอายุความไว้คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความ ที่จำเลยนำสืบเรื่องอายุความนั้นเป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้นอกจากนี้แล้วประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193 ยังบัญญัติห้ามมิให้ศาลอ้างอายุความมาเป็นมูลยกฟ้องโดยจำเลยมิได้ยกอายุความเป็นข้อต่อสู้อีกด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีชอบแล้วพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยฎีกาว่าคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1 (4) นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นรูปแบบลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใดคำให้การที่เป็นแบบฟอร์มเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเพียงชนิดหนึ่งของคำให้การ การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเป็นหนังสือจึงไม่ทำให้จำเลยหมดสิทธิที่จะยกข้อต่อสู้เป็นข้อแก้คำฟ้อง โดยการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการกระทำตามบทบัญญัติว่าด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งข้อ 1 (7) เมื่อจำเลยได้อ้างตัวเองเป็นพยานและเบิกความต่อสู้คดีว่าเช็คโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์นำมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปีจึงต้องถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้แล้วนั้น เห็นว่าคดีนี้จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานศาลชั้นต้นจึงให้โจทก์จำเลยสืบพยานเมื่อสืบเสร็จแล้วจึงได้พิพากษาคดี การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงเป็นไปโดยชอบ ที่จำเลยเบิกความว่าเช็คพิพาทขาดอายุความเพราะโจทก์นำมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1ปีนับแต่วันที่ลงในเช็คนั้นเป็นการยกอายุความขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้โดยที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้จึงเป็นการเบิกความในประเด็นที่ไม่ได้เป็นข้อพิพาทในคดีและข้อต่อสู้ในเรื่องอายุความนั้นเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจำเลยจึงสืบพยานในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นและในเรื่องอายุความนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193บัญญัติว่าเมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share