แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำนักพระคลังข้างที่ย่อมมีอำนาจฟ้องร้องบังคับตามสิทธิต่าง ๆ ซึ่งกรมพระคลังข้างที่มีอยู่ก่อนเวลาที่ได้โอนกิจการมาให้สำนักพระคลังข้างที่ตามพระราชกฤษฎีกาข้างบนนั้นได้ การเปลี่ยนชื่อและฐานะของกรมพระคลังข้างที่มาเป็นสำนักพระคลังข้างที่นั้นไม่มีผลทำให้สิทธิและหน้าที่ที่โอนให้กันนั้นมีลักษณเป็นการโอนหนี้และแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลแพ่งฯ
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าชจำเลยได้เช่าตึกแถว ๒ ห้องจากกรมพระคลังข้างที่ จำเลยผิดสัญญาไม่ใช้ค่าเช่าเป็นเวลาหลายเดือน ค่าเช่าค้าง ๕๙๐ บาท โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระและให้ขับไล่จำเลย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้โจทก์ชนะคดีเต็มตามฟ้อง
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย โจทก์พึงได้รับอำนาจตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อพ.ศ. ๒๔๗๘ จะฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างมาแต่ พ.ศ.๒๔๗๖ และ ๒๔๗๗ ไม่ได้
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการโอนหนี้และแปลงหนี้ใหม่ และว่าคดีนี้จำเลยมีสัญญาผูกพันอยู่กับกรมพระคลังข้างที่ แม้ภายหลังจะเปลี่ยนชื่อและฐานะมาเป็นสำนักพระคลังข้างที่ขึ้นต่อสำนักพระราชวังก็ดี ก็หาทำให้สิทธิและหน้าที่ของกรมพระคลังข้างที่หมดไปไม่ย่อมโอนมาเป็นสำนักพระคลังข้างที่โดยผลของพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการในสำนักพระราชวังและสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ พ.ศ.๒๔๗๘ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒