คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 อยู่ในลักษณะ 6เรื่องอายุความในบรรพ 1 อันว่าด้วยหลักทั่วไป. ซึ่งระบุไว้ชัดถึงการฟ้องเรียกค่าเช่าทรัพย์สินค้างส่ง. ส่วนมาตรา 563 เป็นบทบัญญัติอยู่ในหมวด 3 เรื่องหน้าที่และความรับผิดของผู้เช่าในลักษณะเช่าทรัพย์แห่งบรรพ 3 อันว่าด้วยเอกเทศสัญญา. ข้อความที่ว่าผู้ให้เช่าจะฟ้องผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่านั้น. ย่อมหมายถึงการปฏิบัติผิดหน้าที่ผู้เช่าโดยทั่วไป. เมื่อมาตรา 166 ซึ่งเป็นบททั่วไปได้บัญญัติถึงเรื่องค่าเช่าค้างส่งไว้ชัดแจ้งโดยเฉพาะ จึงต้องยกมาใช้ปรับแก่คดี. แม้มาตรา 563 จะอยู่ในลักษณะเช่าทรัพย์ ก็หาได้ลบล้างมาตรา 166 ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโรงสีไฟจากโจทก์ ค่าเช่าปี 2507จำเลยยังมิได้ชำระขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ คู่ความท้ากันว่า ถ้าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดี ถ้าไม่ขาดจำเลยยอมแพ้คดี ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 166 อยู่ในลักษณะ 6 เรื่องอายุความในบรรพ 1 อันว่าด้วยหลักทั่วไปซึ่งระบุไว้ชัดถึงการฟ้องเรียกค่าเช่าทรัพย์สินที่ค้างส่ง ตามสัญญาเช่าในคดีนี้ข้อ 2 กำหนดว่าต้องจ่ายค่าเช่าเป็นระยะเวลาทุกปี โดยเฉพาะค่าเช่าปี 2507ต้องจ่ายภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2506 ดังนั้น ข้อความในมาตรา 166 จึงตรงกับรูปเรื่องที่จำเลยค้างส่งค่าเช่าที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้ ส่วนมาตรา 563 เป็นบทบัญญัติอยู่ในหมวด 3เรื่องหน้าที่และความรับผิดของผู้เช่าในลักษณะเช่าทรัพย์แห่งบรรพ 3 อันว่าด้วยเอกเทศสัญญา ข้อความที่ว่าผู้ให้เช่าจะฟ้องผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่านั้น ย่อมหมายถึงการปฏิบัติผิดหน้าที่ผู้เช่าโดยทั่วไปเมื่อมาตรา 166 ซึ่งเป็นบททั่วไปได้บัญญัติถึงเรื่องค่าเช่าค้างส่งไว้ชัดแจ้งโดยเฉพาะ จึงต้องยกมาใช้ปรับแก่คดีนี้ แม้มาตรา 563 จะอยู่ในลักษณะเช่าทรัพย์ ก็หาได้ลบล้างมาตรา 166 เสียไม่ พิพากษายืน.

Share