คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมโนสาเร่ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และไม่เข้าข้อยกเว้นนั้น หากศาลชั้นต้นไม่รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้วศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องสั่งยกเมื่อเป็น อุทธรณ์ในข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น นอกจากศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย
หากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงกลับศาลชั้นต้นแล้วขัดต่อ ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 238 ศาลฎีกาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปเรื่อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า อ.ได้เช่าห้องแถวของโจทก์ทำการค้าขายไม่มีหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน ค่าเช่าเดือนละ ๒๖ บาท อ.ตาย จำเลยเป็นบุตรของภริยา อ.ซึ่งเกิดแต่สามีคนก่อนได้เข้าอยู่ทำการค้าต่อมาโดยไม่ขอเช่าต่อ โจทก์จะเข้าอยู่และมีหนังสือบอกเลิกการเช่ากับจำเลยให้เวลา ๓๐ วันแล้ว ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยได้ค้าในตอนหลังเป็นส่วนย่อย จำเลยอาศัยอยู่กับ ป. ภริยา อ. ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว โจทก์ฟ้องผิดตัว
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นผู้เช่าจากโจทก์เพื่อการค้าขายเป็นประธาน ให้ขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหาย
ศาลอุทธรณ์ว่า เมื่อ อ. ตาย จำเลยมิได้มีสัญญาเช่ากับโจทก์ใหม่ เมื่อไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในห้องของโจทก์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาแต่ฉะเพาะในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง นอกจากเข้าข้อยกเว้น หากเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๓๘ ศาลอุทธรณ์จะต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาเว้นแต่จะปรากฎว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้นผิดต่อ กฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งรับมาเฉย ๆ ไม่ได้รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง หากศาลอุทธรณ์เห็นเช่นนั้นก็ชอบที่จะยกอุทธรณ์เสีย ถ้าหากฟังว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ก็ถูกผูกมัดที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น เพราะไม่ปรากฎเข้าข้อยกเว้นแต่ปรากฎว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงกลับศาลชั้นต้น ขัดต่อ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๓๘
ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔๗, ๒๔๓(๑)

Share