คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9068/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นความผิดจากการประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตในแต่ละครั้งละคราว เมื่อหยุดประกอบกิจการแล้วก็ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป โจทก์บรรยายฟ้องระบุชัดว่าจำเลยกระทำผิดเฉพาะเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 เวลากลางวันในคำฟ้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกระทำผิดต่อเนื่องออกไปอีก ของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่เกี่ยวกับวีดิทัศน์ก็มีการยึดทั้งแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายจำนวน 64 แผ่น และแผ่นซีซีดีและแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่ไม่มีผู้ยืนยันสิทธิอีกจำนวน 2,230 แผ่น อันส่อแสดงว่าเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมยึดของกลางที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตมาหมดแล้ว โดยสภาพพฤติการณ์แห่งคดีที่ปรากฏดังกล่าวเชื่อว่า หลังเกิดเหตุคดีนี้จำเลยยังไม่อาจประกอบกิจการตามฟ้องต่อได้ และไม่อาจมีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกต่อไป คำให้การรับสารภาพของจำเลยในคดีนี้ เป็นการรับสารภาพตามข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมา เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงใดให้โจทก์ยืนยันในคำฟ้องว่าจำเลยยังคงกระทำความผิดต่อเนื่องออกไปอีก ลำพังคำให้การรับสารภาพของจำเลยจะฟังว่าจำเลยกระทำผิดต่อเนื่องออกไปอีกดังที่โจทก์อุทธรณ์หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 เวลากลางวัน จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
(1) ละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทงานวรรณกรรมโปรแกรมคอมพิวเตอร์เกมเพลย์สเตชั่น ของบริษัทยูบิซอฟต์ เอ็นเตอร์เท็นเมนท์ เอสเอ จำกัด ผู้เสียหาย ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายที่ประเทศฝรั่งเศสและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศฝรั่งเศสตลอดระยะเวลาในการสร้างสรรค์ และได้โฆษณางานครั้งแรกที่ประเทศสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ และประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งประเทศฝรั่งเศส ประเทศสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ และประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย โดยการนำแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่บันทึกข้อมูลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นคำสั่ง ชุดคำสั่งเกมเพลย์สเตชั่น ซึ่งได้มีผู้ทำซ้ำดัดแปลงขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย รวม 64 แผ่น ออกขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขายแก่บุคคลทั่วไปอันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายและโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
(2) ประกอบกิจการให้เช่า หรือจำหน่ายแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่นที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จำนวน 64 แผ่น และแผ่นวีซีดีและแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่ไม่มีผู้ยืนยันสิทธิอีก จำนวน 2,230 แผ่น อันเป็นซีดีรอมเกมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บันทึกภาพและเสียงซึ่งนำมาฉายให้เห็นเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องในลักษณะที่เป็นเกมการเล่นต่าง ๆ อันเป็นวีดิทัศน์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 2,294 แผ่น โดยทำเป็นธุรกิจอยู่ที่ร้านไดนาไมค์ ชั้น 3 ห้างซีคอนสแควร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร และได้ประโยชน์ตอบแทนจากราคาจำหน่ายแผ่นโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ดังกล่าว โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนและไม่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
เหตุเกิดที่แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมกับยึดแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น จำนวน 64 แผ่น ที่จำเลยนำออกขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อขายแก่บุคคลทั่วไปโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย และแผ่นวีซีดีและดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่ไม่มีผู้ยืนยันสิทธิอีกจำนวน 2,230 แผ่น รวมทั้งสิ้น 2,294 แผ่น เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 30, 31, 61, 70, 75 และ 76 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 54, 82 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้แผ่นดีวีดีเกมของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 64 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) และ 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง และ 82 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าปรับ 50,000 บาท และฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 100,000 บาท รวมปรับ 150,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 75,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 64 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาส่วนละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่โจทก์อุทธรณ์มาข้อเดียวว่า คดีนี้จะต้องลงโทษปรับจำเลยรายวัน ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 82ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 54 วรรคหนึ่ง…ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่” อีกด้วยนั้น เห็นว่า ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นความผิดจากการประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตในแต่ละครั้งละคราว เมื่อหยุดประกอบกิจการแล้ว ก็ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ระบุชัดว่าจำเลยกระทำผิดเฉพาะเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 เวลากลางวัน ในคำบรรยายฟ้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกระทำผิดต่อเนื่องออกไปอีก ของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่เกี่ยวกับวีดิทัศน์ก็มีการยึดทั้งแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จำนวน 64 แผ่น และแผ่นวีซีดีและแผ่นดีวีดีเกมเพลย์สเตชั่น ที่ไม่มีผู้ยืนยันสิทธิอีก จำนวน 2,230 แผ่น อันส่อแสดงว่าเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมยึดของกลางที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตมาหมดทั้งสิ้นแล้ว โดยสภาพพฤติการณ์แห่งคดีที่ปรากฏดังกล่าว เชื่อว่า หลังเกิดเหตุคดีนี้จำเลยยังไม่อาจประกอบกิจการตามฟ้องต่อไปได้ และอาจจะไม่มีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกต่อไปคำให้การรับสารภาพของจำเลยในคดีนี้นั้น เป็นการรับสารภาพตามข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมา เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงใดให้โจทก์ยืนยันในคำฟ้องได้ว่าจำเลยยังคงกระทำความผิดต่อเนื่องออกไปอีก ลำพังคำให้การรับสารภาพของจำเลย จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดต่อเนื่องออกไปอีกดังที่โจทก์อุทธรณ์มาหาได้ไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share