แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
มีดคัตเตอร์ ยาวประมาณ 1 ฟุต ตัวมีดกว้างประมาณ 2 นิ้วเป็นมีดคัตเตอร์ ขนาดใหญ่ จำเลยมีเจตนาจะใช้อย่างเป็นอาวุธ จึงเป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(1)เมื่อจำเลยใช้พาติดตัวไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จึงมีความผิดตามมาตรา 371
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยพาอาวุธมีดคัตเตอร์ ตัวมีดและด้ามยาวประมาณ 1 ฟุตกว้างประมาณ 2 นิ้ว ไปในเมือง หมู่บ้าน และถนนเอกชัยอันเป็นทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และจำเลยได้ใช้อาวุธมีดที่จำเลยพาติดตัวมาดังกล่าวฟันปาดคอด้านซ้ายของนางปราณี โกยทองหรือโดยทองผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา สมดังเจตนาของจำเลยเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมเสื้อยืด 1 ตัว ซึ่งจำเลยสวมใส่ขณะกระทำความผิดเป็นของกลาง ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288, 371และสั่งคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 วรรคแรก, 371 เรียงกระทงลงโทษ ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย จำคุก 12 ปี และฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปรับ 100 บาทรวมจำคุก 12 ปี และปรับ 100 บาท ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 ปี และปรับ 66.66 บาทของกลางคืนให้แก่เจ้าของ ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 68, 69 ให้จำคุก 5 ปี รวมกับโทษที่ลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 แล้ว เป็นโทษจำคุก 5 ปี และปรับ 66.66 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า มีดคัตเตอร์ไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เห็นว่า ลักษณะมีดคัตเตอร์ตามฟ้องมีความยาวประมาณ 1 ฟุต ตัวมีดกว้างประมาณ 2 นิ้ว เป็นมีดคัตเตอร์ขนาดใหญ่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยใช้พกติดตัวเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เชื่อได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เป็นอาวุธจึงเป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(1)เมื่อจำเลยใช้พาติดตัวไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371”
พิพากษายืน