แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ขอแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับเลขโฉนดที่ดิน เมื่อตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน สำเนาโฉนดที่ดินและสำเนาหนังสือของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นเอกสารท้ายฟ้องระบุชัดเจนว่า ที่ดินของโจทก์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 82489 หาใช่ที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 ดังที่โจทก์กล่าวฟ้องและในคำขอท้ายฟ้อง การที่โจทก์ขอแก้ไขคำพิพากษาในส่วนเลขโฉนดจากเลขที่ 82498 เป็นเลขที่ 82489 จึงเป็นการขอแก้ไขในรายละเอียดให้ชัดเจนถูกต้องตรงกับความเป็นจริง แม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดีก็มิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาหรือเป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษาแต่อย่างใด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 ระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฉบับลงวันที่ 26 สิงหาคม 2541 แล้วลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดดังกล่าวโดยปลอดจากภาระใดๆ ตามเดิม กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่ที่ศาลมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 เลขที่ดิน 274 โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลฎีกา โจทก์ถึงแก่กรรม นางเหมทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ชั้นบังคับคดี โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นยกคำร้องโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี หลังจากนั้นโจทก์ไปดำเนินการขอเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนจำนองต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ จึงพบว่าเลขโฉนดที่ดินที่ระบุในคำพิพากษาและในหมายบังคับคดีกับเลขโฉนดที่ดินที่ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนจำนองรายนี้ไม่ตรงกัน โดยเลขโฉนดที่ดินที่ระบุในคำพิพากษาและในหมายบังคับคดีระบุหมายเลขโฉนดว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 82498 แต่หมายเลขโฉนดที่ดินที่ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนจำนองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 82489 ซึ่งหมายเลขโฉนดที่ดินที่ถูกต้องคือโฉนดที่ดินเลขที่ 82489 จึงขอให้ศาลฎีกาแก้ไขเลขโฉนดที่ดินในคำพิพากษา คำบังคับ และหมายบังคับคดีจากที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 82489
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 เลขที่ 274 โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษา กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5927/2548 ในชั้นบังคับคดีโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขโฉนดที่ดินในคำพิพากษา คำบังคับ และหมายบังคับคดี จากเลขที่ 82498 เป็นเลขที่ 82489 มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้แก้ไขเลขที่โฉนดที่ดินตามคำขอของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจ ฉบับลงวันที่ 26 สิงหาคม 2541 ว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมจดทะเบียนจำนองที่ดินของโจทก์ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน สำเนาโฉนดที่ดิน และสำเนาหนังสือของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งโจทก์ส่งเป็นเอกสารทุกฉบับดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ที่ดินของโจทก์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 82489 เลขที่ดิน 274 หาใช่ที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 ดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องและคำขอท้ายฟ้องไม่ ตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ก็รับว่า จำเลยที่ 2 รับจำนองที่ดินของโจทก์จากจำเลยที่ 1 จริง เพียงแต่อ้างว่าเป็นการรับจำนองโดยเสียค่าตอนแทนและโดยสุจริตเท่านั้น จำเลยที่ 2 มิได้ให้การปฏิเสธว่าที่ดินที่รับจำนองไว้เป็นที่ดินแปลงอื่น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า เมื่อที่ดินโฉนดเลขที่ 82498 ตามที่โจทก์กล่าวในคำฟ้อง คำขอท้ายฟ้อง และที่ศาลพิพากษากับที่ดินโฉนดเลขที่ 82489 ตามที่โจทก์ขอแก้ไขคำพิพากษานั้นเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ดังนั้น การที่โจทก์ขอแก้ไขเลขที่โฉนดจากเลขที่ 82498 เป็นเลขที่ 82489 จึงเป็นการขอแก้ไขในรายละเอียดให้ชัดเจนถูกต้องตรงกับความเป็นจริง แม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดีแต่ก็มิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาหรือเป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษาแต่อย่างใด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143″
อาศัยเหตุดังวินิจฉัยข้างต้น จึงมีคำสั่งให้แก้ไขเลขโฉนดที่ดินในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5927/2548 ทุกแห่ง จากเลขที่ 82498 เป็นเลขที่ 82489 นอกจากที่แก้ไขคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเดิม