แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พินัยกรรมตามเอกสารหมายค.8นั้นผู้ร้องเบิกความว่าพินัยกรรมฉบับนี้ถูกเพิกถอนไปแล้วโดยผู้ร้องเป็นผู้ขีดฆ่าและเขียนยกเลิกพินัยกรรมต่อหน้าผู้ตายแม้จะเป็นจริงดังว่าก็มิใช่การทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจของผู้ตายซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรมเองอันเป็นการเพิกถอนพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1695วรรคหนึ่งพินัยกรรมเอกสารหมายค.8จึงยังมีผลใช้บังคับได้ ส่วนพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามเอกสารหมายค.3นั้นแม้จะปรากฏว่าต่อมาผู้ตายได้ทำคำร้องและบันทึกขอถอนพินัยกรรมโดยอ้างว่าจะยกเลิกพินัยกรรมดังกล่าวและรับพินัยกรรมคืนไปแล้วก็ตามแต่ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ทำลายหรือขีดฆ่าต้นฉบับกับคู่ฉบับของพินัยกรรมอันจะมีผลให้เป็นการเพิกถอนพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1695วรรคหนึ่งพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามเอกสารหมายค.3จึงยังมีผลบังคับอยู่เช่นกัน เมื่อพินัยกรรมของผู้ตายทั้งฉบับเอกสารหมายค.8และฉบับเอกสารหมายค.3ยังมีผลบังคับอยู่ทั้ง2ฉบับทั้งพินัยกรรมตามเอกสารหมายค.3ซึ่งทำในภายหลังมิได้มีข้อความตอนใดระบุให้เพิกถอนพินัยกรรมตามเอกสารหมายค.8เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่นและปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับก่อนกับฉบับหลังขัดกันประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1697ให้ถือว่าพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังเฉพาะในส่วนที่มีข้อความขัดกันเท่านั้นจึงถือว่าพินัยกรรมฉบับเอกสารหมายค.8เป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับเอกสารหมายค.3เฉพาะข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่ดิน2แปลงตามข้อ2และข้อ3เท่านั้นที่พินัยกรรมเอกสารหมายค.3ระบุให้ตกแก่ผู้ร้องและให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับนี้ซึ่งย่อมหมายถึงให้ผู้ร้องมีสิทธิจัดการมรดกเฉพาะที่ดินทั้ง2แปลงดังกล่าวส่วนทรัพย์มรดกอื่นๆคงเป็นไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรมตามเอกสารหมายค.8ข้อ4ถึงข้อ11ซึ่งกำหนดให้ผู้คัดค้านที่4เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับดังกล่าวผู้ร้องซึ่งไม่ปรากฏว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมายจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกเฉพาะที่ดินทั้ง2แปลงตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมตามเอกสารหมายค.3ตามเจตนาของผู้ตายในข้อกำหนดพินัยกรรมข้อ2 ในชั้นต้นผู้คัดค้านที่1และที่2ยื่นคำร้องคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกโดยผู้ร้องและขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่3เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านที่1และที่2ยื่นอุทธรณ์ขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่1และที่2เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ตั้งผู้คัดค้านที่4เป็นผู้จัดการมรดกซึ่งก็ตรงกับความประสงค์แต่แรกของผู้คัดค้านที่1และที่2แต่ในชั้นนี้ผู้คัดค้านที่1และที่2กลับยื่นฎีกาขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่1และที่2เป็นผู้จัดการมรดกหรือเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องจึงเป็นได้ว่าฎีกาของผู้คัดค้านที่1และที่2เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนางกรองทองอรุณเนตร ผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 7 เมษายน2535 ผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือที่ดิน 2 แปลง ผู้ร้องติดต่อขอรับโอนมรดก แต่เจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธไม่ยอมโอนให้อ้างว่าต้องมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อน จึงมีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 เป็นบุตรของนางกรองทอง อรุณเนตร ผู้ตาย การที่ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ได้รับความยินยอมจากผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ผู้ตายยังมีทรัพย์มรดกมากกว่าที่ผู้ร้องแสดงต่อศาล ผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านที่ 3 ถึงที่ 9 ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่ทายาทของนางกรองทอง อรุณเนตร ผู้ตายแต่เพียงผู้เดียวแต่มีทายาทอื่นที่มีสิทธิรับมรดกอีกผู้ตายทำพินัยกรรมตั้งผู้คัดค้านที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกไว้แล้ว ผู้ร้องมีความประพฤติไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ระหว่างการพิจารณา ผู้คัดค้านที่ 5 ถึงที่ 9 ขอถอนคำร้องคัดค้านศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้เรืออากาศโทกวี อรุณเนตรผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางกรองทอง อรุณเนตร ผู้ตายกับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายส่วนคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 4 ให้ยกเสีย
ผู้คัดค้าน ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ตั้งให้นางอรุณี วิภาโตทัยผู้คัดค้านที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกของนางกรองทอง อรุณเนตรผู้ตาย กับให้สิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ ให้ยกคำร้องขอของผู้ตาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้อง และ ผู้คัดค้าน ที่ 1 กับ ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติโดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนางกรองทองอรุณเนตร ผู้ตาย ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ 2 ฉบับ ตามเอกสารหมาย ร.8 หรือ ค.8 กับเอกสารหมาย ค.3 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีว่าพินัยกรรมของผู้ตายทั้ง 2 ฉบับ ยังมีผลบังคับหรือไม่และผู้ใดสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
สำหรับพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ร.8 หรือ ค.8 นั้นผู้ร้องเบิกความว่า พินัยกรรมฉบับนี้ถูกเพิกถอนไปแล้ว โดยผู้ร้องเป็นผู้ขีดฆ่าและเขียนยกเลิกพินัยกรรมต่อหน้าผู้ตาย แม้จะเป็นจริงดังว่า ก็มิใช่การทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจของผู้ตายซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรมเองอันเป็นการเพิกถอนพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1695 วรรคหนึ่ง พินัยกรรมเอกสารหมาย ร.8 หรือ ค.8 จึงยังมีผลใช้บังคับ ส่วนพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามเอกสารหมาย ค.3 นั้น แม้จะปรากฏว่าต่อมาผู้ตายได้ทำคำร้องและบันทึกขอถอนพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ค.4และ ค.5 โดยอ้างว่าจะยกเลิกพินัยกรรมดังกล่าว และรับพินัยกรรมคืนไปแล้วก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ทำลายหรือขีดฆ่าต้นฉบับกับคู่ฉบับของพินัยกรรมอันจะมีผลให้เป็นการเพิกถอนพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1695 วรรคหนึ่ง พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามเอกสารหมาย ค.3 จึงยังมีผลบังคับอยู่เช่นกัน เมื่อพินัยกรรมของผู้ตายทั้งฉบับเอกสารหมาย ร.8 หรือค.8 และฉบับเอกสารหมาย ค.3 ยังมีผลบังคับอยู่ทั้ง 2 ฉบับทั้งพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ค.3 ซึ่งทำในภายหลังมิได้มีข้อความตอนใดให้เพิกถอนพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ร.8 หรือ ค.8 เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่นและปรากฏว่าพินัยกรรมฉบับก่อนกับฉบับหลังขัดกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1697 ให้ถือว่าพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลัง เฉพาะในส่วนที่มีข้อความขัดกันเท่านั้นจึงถือว่าพินัยกรรมฉบับเอกสารหมาย ร.8 หรือ ค.8 เป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับเอกสารหมาย ค.3 เฉพาะข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่ดิน 2 แปลง ตามข้อ 2 และข้อ 3 เท่านั้นที่พินัยกรรมเอกสารหมาย ค.3 ระบุให้ตกแก่ผู้ร้องและให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับนี้ ซึ่งย่อมหมายถึงให้ผู้ร้องมีสิทธิจัดการมรดกเฉพาะที่ดินทั้ง 2 แปลง ดังกล่าวส่วนทรัพย์มรดกอื่น ๆ คงเป็นไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ร.8หรือ ค.8 ข้อ 4 ถึงข้อ 11 ซึ่งกำหนดให้ผู้คัดค้านที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับดังกล่าว ผู้ร้องซึ่งไม่ปรากฏว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมายจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกเฉพาะที่ดินทั้ง 2 แปลง ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ค.3ตามเจตนาของผู้ตายในข้อกำหนดพินัยกรรมข้อ 2 สำหรับในส่วนฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 นั้น ในชั้นต้นผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกโดยผู้ร้องและขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านที่ 1และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งก็ตรงกับความประสงค์แต่แรกของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 แต่ในชั้นนี้ ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 กลับยื่นฎีกาขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2เป็นผู้จัดการมรดก หรือเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง จึงเห็นได้ว่าฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ตั้งให้เรืออากาศโทกวี อรุณเนตรผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางกรองทอง อรุณเนตร ผู้ตายเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่ดิน 2 แปลง ตามพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองของผู้ตาย ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2534 เอกสารหมายค.3 กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2