คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 175 วรรคสอง การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นอำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจ แม้จำเลยจะคัดค้าน แต่หากศาลเห็นว่าการถอนฟ้องของโจทก์ไม่เป็นเหตุให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี ศาลก็อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ และในกรณีที่ฟ้องผิดศาลหากศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำพิพากษายกฟ้องเพราะคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาล โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยใหม่ยังศาลที่คดีนั้นอยู่ในเขตอำนาจได้ ดังนั้น การที่โจทก์ขอถอนฟ้องเพราะเหตุฟ้องผิดศาล แม้จำเลยจะให้การต่อสู้คดีไว้ จึงมิได้ทำให้จำเลยเสียหายแต่ประการใด ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า โจทก์ถอนฟ้องก็เพื่อจะไปดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ตามที่จำเลยให้การ โดยเฉพาะเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ เมื่อคดีนี้ยังไม่มีการสืบพยานโจทก์และจำเลยจึงยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายใด หากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยก็มีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่เช่นเดิม จึงหาทำให้จำเลยต้องเสียเปรียบในเชิงคดีไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกหนี้ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์วอลล์สตรีท จำกัด (มหาชน) โดยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2539 จำเลยได้ทำสัญญาขายลดตั๋วสัญญาเงินภายในวงเงิน 1,400,000 บาท และจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 59506 ตำบลบึงคอไห อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้ต่อบริษัทดังกล่าวเพื่อประกันหนี้ หลังจากนั้นจำเลยได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายลดจำนวนหลายครั้งแล้วผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ คงค้างชำระต้นเงิน 1,400,000 บาท กับดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 เป็นต้นมา ต่อมาโจทก์ได้ซื้อและรับโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้สินที่จำเลยมีอยู่กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์วอลล์สตรีท จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาการจำหน่ายสินทรัพย์ขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,068,547.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงิน 1,400,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนอง หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้จำเลยชดใช้ส่วนที่ขาดจนกว่าจะครบถ้วน
จำเลยให้การว่า การมอบอำนาจและมอบอำนาจช่วงให้ฟ้องคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การซื้อขายและรับโอนสินทรัพย์และหนี้สินของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะขณะทำสัญญาโจทก์ยังมิได้เป็นนิติบุคคล และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามไม่ครบถ้วน ทั้งมิได้ประทับตราของบริษัท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การโอนดังกล่าวเป็นการแปลงหนี้ใหม่ทำให้หนี้เดิมระงับ จำเลยไม่ได้เป็นหนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์วอลล์สตรีท จำกัด (มหาชน) ตามฟ้อง และมีการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา สัญญาจึงเป็นโมฆะ คดีโจทก์ขาดอายุความ หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองเป็นหนังสือที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์เสนอคำฟ้องผิดศาลเพราะมูลคดีการทำสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินทำที่จังหวัดนครราชสีมา คดีของโจทก์จึงไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณาก่อนมีการสืบพยาน โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง อ้างว่าโจทก์ตรวจสอบเอกสารแล้ว มูลคดีเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดนครราชสีมา จึงขอถอนฟ้องเพื่อที่โจทก์จะได้นำคดีไปฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ต่อไป จำเลยแถลงคัดค้านว่า การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องทำให้จำเลยเสียเปรียบเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลเป็นกรณีพิเศษ 42,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง บัญญัติว่า ภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้ว โจทก์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ (1) ห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอด ถ้าหากมีก่อน…แสดงว่าการที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นอำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจ แม้จำเลยจะคัดค้าน แต่หากศาลเห็นว่าการถอนฟ้องของโจทก์ไม่เป็นเหตุให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี ศาลก็อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้และในกรณีที่ฟ้องผิดศาล หากศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำพิพากษายกฟ้องเพราะคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาล โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยใหม่ยังศาลที่คดีนี้อยู่ในเขตอำนาจได้ ดังนั้น การที่โจทก์ขอถอนฟ้องเพราะเหตุฟ้องผิดศาล แม้จำเลยจะให้การต่อสู้คดีไว้จึงมิได้ทำให้จำเลยเสียหายแต่ประการใด ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ในหลายประเด็นและว่า โจทก์ถอนฟ้องก็เพื่อจะไปดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ตามที่จำเลยให้การโดยเฉพาะเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์นั้น เห็นว่า เมื่อคดีนี้ยังไม่มีการสืบพยานโจทก์และจำเลย จึงยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายใด หากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยก็มีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่เช่นเดิม การถอนฟ้องของโจทก์จึงหาทำให้จำเลยต้องเสียเปรียบในเชิงคดีดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 แล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share