แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18 จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่าบ้านและยุ้งข้าวเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 และหรือ ตามมาตรา 109 หรือไม่ นั้นเป็นฎีกาในปัญหา ข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ผู้ร้องได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 103)
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านเลขที่ 102 หมู่ 6 ตำบลบ้านซ่อง อำเภอพนมสารคามจังหวัดฉะเชิงเทรา ยุ้งข้าวและรถยนต์ไถนา โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยทั้งสองเพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า บ้าน ยุ้งข้าว และรถยนต์ไถนาเป็นทรัพย์สินของผู้ร้องมิใช่ของจำเลยทั้งสอง ขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์เฉพาะรถยนต์ไถนาพิพาทนั้นคำขออื่นของผู้ร้องนอกจากนี้ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปล่อยบ้านและยุ้งข้าวของผู้ร้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 97)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 99)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าบ้านและยุ้งข้าวพิพาทผู้ร้องไม่มีฐานะจะปลูกสร้างได้ จำเลยทั้งสองเป็นผู้ปลูกสร้าง จึงเป็นของจำเลยทั้งสอง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248(ที่แก้ไขแล้ว)ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง