แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะสลักหลังจำนำใบรับฝากเงินประจำให้ผู้ร้องไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่แล้วหรือที่จะมีขึ้นในอนาคตและตกลงยอมให้ผู้ร้องหักเงินฝากดังกล่าวชำระหนี้ของจำเลยที่ค้างชำระต่อผู้ร้องได้ แต่เงินฝากประจำที่จำเลยฝากไว้กับผู้ร้องนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตั้งแต่มีการฝากเงินแล้ว จำเลยผู้ฝากคงมีเพียงสิทธิที่จะถอนเงินฝากไปได้ และผู้ร้องคงมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบจำนวนที่ขอถอนเท่านั้น จึงมิใช่การส่งมอบสังหาริมทรัพย์ของจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามลักษณะจำนำผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 6 ผู้ร้องมีสิทธิขอนำเงินฝากประจำของจำเลยมาหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 102แต่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ผู้ร้องนำเข้าฝากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยเรื่อยมาจนถึงเวลาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ดอกเบี้ยและเงินฝากตามบัญชีกระแสรายวันที่ผู้ร้องนำมาขอหักกลบลบหนี้ จึงมิใช่เป็นเงินที่ผู้ร้องเป็นหนี้จำเลยในเวลาที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ไม่อาจหักกลบลบหนี้ได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ซึ่งจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เบิกเงินเกินบัญชี และศาลมีคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องได้แสดงเจตนาต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอนำเงินฝากและดอกเบี้ยเงินฝากประจำซึ่งผู้ร้องต้องคืนให้แก่จำเลยเข้าหักกลบลบหนี้กันกับเงินที่ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยและขอรับชำระหนี้ในส่วนที่เหลือ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งว่าผู้ร้องขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันจึงต้องคืนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแก่กองทรัพย์สินของจำเลยผู้ร้องเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะผู้ร้องเป็นทั้งเจ้าหนี้และยังเป็นลูกหนี้กองทรัพย์สินของจำเลยตามใบรับฝากเงินประจำ 2 ฉบับ กับเงินฝากกระแสรายวัน ผู้ร้องย่อมมีสิทธิขอหักกลบลบหนี้ได้ เงินฝากประจำดังกล่าวได้จำนำเป็นประกันหนี้ตามภาระหนังสือค้ำประกัน แต่ภาระค้ำประกันนั้นสิ้นสุดไปแล้วผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามภาระหนังสือค้ำประกันเงินฝากประจำดังกล่าว จึงไม่ได้เป็นประกันหนี้ที่ขอชำระหนี้ในคดีนี้ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า คำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องระบุไว้ชัดเจนว่าจำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญาค้ำประกัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สอบสวนทำความเห็นและศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันการกู้เบิกเงินเกินบัญชี เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อความที่สลักหลังใบรับฝากเงินประจำทั้ง 2 ฉบับ ว่าจำนำไว้แก่ผู้ร้องเป็นประกันหนี้ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้อยู่ในขณะนี้หรือเป็นลูกหนี้ในอนาคตต่อผู้ร้อง ดังนั้นไม่ว่าผู้ร้องจะอ้างว่าใบรับฝากเงินประจำได้จำนำตามภาระค้ำประกันที่สิ้นสุดไปแล้วและมิใช่หนี้ที่ขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ก็ตาม เมื่อหนี้ที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ยังมีอยู่จำเลยก็ต้องผูกพันตามสัญญาจำนำและถือว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกัน จะอ้างว่าสัญญาสิ้นสุดไม่ได้ ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องให้ผู้ร้องคืนหลักประกันแก่กองทรัพย์สินของจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า อนุญาตให้ผู้ร้องหักกลบลบหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 102
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้เป็นเงินจำนวน 32,147,692.92 บาทต่อมาผู้ร้องได้แสดงเจตนาต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอนำเงินฝากซึ่งจำเลยฝากไว้กับผู้ร้องตามใบรับฝากเงินประจำ 2 ฉบับ ตามเอกสารหมาย ร.6 และ ร.7 จำนวนเงินรวม 1,396,774.06 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย 80,831.06 บาท กับเงินฝากตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวันอีก 31,370.59 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,508,975.71บาท เข้าหักกลบลบหนี้กันก่อนและขอรับชำระหนี้ในส่วนที่เหลือปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกันหรือไม่ และผู้ร้องมีสิทธิหักกลบลบหนี้หรือไม่ จำนวนเท่าใด เห็นว่า จากทางนำสืบของผู้ร้อง หนี้ที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงินเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งบริษัทวิศวกรรม จำกัดทำไว้กับผู้ร้องตามเอกสารหมาย ร.12 ต่อมาจำเลยได้ให้ผู้ร้องออกหนังสือค้ำประกันสัญญาการรับจ้างสร้างทางสาย เลย-เชียงคานต่อกรมทางหลวงอีก โดยจำเลยได้สลักหลังจำนำใบรับฝากเงินประจำ2 ฉบับ ตามเอกสารหมาย ร.6 และ ร.7 ให้ผู้ร้องไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่แล้วหรือที่จะมีขึ้นในอนาคตและตกลงยอมให้ผู้ร้องหักเงินฝากดังกล่าวชำระหนี้ของจำเลยที่ค้างชำระต่อผู้ร้องได้ทันทีด้วย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านก็นำสืบฟังได้เจือสมกันในข้อนี้ มีปัญหาว่าการสลักหลังและข้อตกลงดังกล่าวระหว่างผู้ร้องและจำเลยเข้าลักษณะเป็นการจำนำที่จะทำให้ผู้ร้องมีฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 ในการจำนำผู้จำนำจะต้องส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนำเพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้ คดีนี้แม้จำเลยจะสลักหลังจำนำใบรับฝากเงินประจำและยินยอมให้ผู้ร้องนำเงินจำนวน 1,396,774.06 บาท ที่ฝากไว้ตามใบรับฝากเงินประจำของจำเลยเป็นประกันหนี้ที่ค้างชำระต่อผู้ร้องแต่เงินฝากประจำจำนวนดังกล่าวที่จำเลยฝากไว้กับผู้ร้องนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมาตั้งแต่มีการฝากเงินแล้ว จำเลยผู้ฝากคงมีเพียงสิทธิที่จะถอนเงินที่ฝากไปได้และผู้ร้องคงมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบจำนวนที่ขอถอนเท่านั้นจึงมิใช่การส่งมอบสังหาริมทรัพย์ของจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามลักษณะจำนำแต่อย่างใดผู้ร้องจึงหามีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางจำนำหรือมีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำไม่ ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 6 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องมีสิทธิขอนำเงินฝากประจำของจำเลยมาหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 102 จึงชอบแล้ว แต่ที่ให้นำเงินดอกเบี้ยจำนวน 80,831.06 บาท และเงินฝากกระแสรายวันจำนวน 31,370.59 บาทมาหักกลบลบหนี้ด้วยนั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะคดีปรากฏจากคำเบิกความของนางสาวชลดา ศรีศุภรางค์กุล พยานผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้นำดอกเบี้ยของเงินฝากประจำเข้าฝากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยเรื่อยมาจนถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2531 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว นายประมุขวัฒนวาณิชย์ พยานอีกปากหนึ่งของผู้ร้องก็เบิกความว่า ผู้ร้องนำดอกเบี้ยเงินฝากของจำเลยเข้าบัญชีกระแสรายวันของจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าดอกเบี้ยและเงินฝากตามบัญชีกระแสรายวันที่ผู้ร้องนำมาขอหักกลบลบหนี้เป็นเงินที่ผู้ร้องเป็นหนี้จำเลยในเวลาที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องไม่อาจหักกลบลบหนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องมีสิทธิหักกลบลบหนี้ในส่วนนี้ด้วย ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องหักกลบลบหนี้ได้เป็นเงินจำนวน1,396,774.06 บาท