คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีสินสมรสเป็นเงินฝากธนาคารจำนวนหนึ่ง จำเลยได้ถอนเงินจากธนาคารจนหมดสิ้น โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ และนำไปฝากไว้ที่ธนาคารอื่นโจทก์ขอให้จำเลยยินยอมให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝาก แต่จำเลยไม่ยินยอมเป็นการขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ขอให้ศาลสั่งแยกสินสมรสหรือให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝากเช่นนี้ แม้ตามคำฟ้องของโจทก์จะมิใช่กรณีที่โจทก์อาจร้องขอให้ศาลสั่งให้แยกสินสมรสได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1484เพราะจำเลยมิใช่ผู้มีอำนาจจัดการสินสมรสฝ่ายเดียวก็ตาม แต่โจทก์ก็ขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในบัญชีเงินฝากเพื่อการเบิกถอนเงินด้วย เงินฝากในธนาคารเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นสินสมรสจำพวกที่มีเอกสารเป็นสำคัญซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 1475 ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในเอกสารนั้นได้ เมื่อจำเลยไม่ยินยอมกรณีจึงถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกิดขึ้นแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีสินสมรสคือ เงินสดซึ่งฝากอยู่ที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัดสาขาลพบุรี จำนวน 5,600,000 บาทเศษ จำเลยได้ถอนเงินจำนวนดังกล่าวไปหมดสิ้นโดยไม่แจ้งให้ทราบ และนำไปฝากไว้ที่ธนาคารอื่น เมื่อโจทก์ทราบได้ขอให้จำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝาก แต่จำเลยปฏิเสธทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเงินจำนวนดังกล่าวได้จึงเป็นการขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรขอศาลมีคำสั่งให้แยกสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลย หากไม่สามารถกระทำดังกล่าวข้างต้นได้ ก็ขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝากร่วมกับจำเลย
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายมา ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1484 จึงให้ยกฟ้องโจทก์เสีย”
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องถือได้หรือไม่ว่า จำเลยกระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ตามคำฟ้องของโจทก์ จะมิใช่กรณีที่โจทก์อาจร้องขอให้ศาลสั่งให้แยกสินสมรสได้ตามมาตรา 1484 เพราะจำเลยมิใช่เป็นผู้มีอำนาจจัดการสินสมรสฝ่ายเดียวก็ตาม แต่โจทก์ก็ขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในบัญชีเงินฝากเพื่อการเบิกถอนเงินด้วย เงินฝากในธนาคารเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นสินสมรสจำพวกที่มีเอกสารเป็นสำคัญซึ่งตามมาตรา 1475ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นได้ เมื่อจำเลยไม่ยินยอม กรณีจึงถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกิดขึ้นแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

Share