แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยรับราชการอยู่ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะมีหน้าที่รับค่าภาษีและต่ออายุทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ประจำปี ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับทำใบอนุญาตขับรถ จำเลยเป็นผู้ปลอมใบอนุญาตขับรถอันเป็นเอกสารราชการ การที่จำเลยนำใบอนุญาตขับรถปลอมไปใส่ไว้ในตะกร้าวางไว้บนเคาน์เตอร์หน้าที่ทำการแผนกทะเบียนยานพาหนะ โดยเจ้าของใบอนุญาตขับรถจะไปตรวจดูที่ตะกร้าดังกล่าว หากเห็นใบอนุญาตขับรถของตนก็สามารถหยิบเอาไปได้หรือผู้ใดจะไปรับแทนก็ได้ไม่มีการทำหลักฐานการรับไว้ จำเลยยังมิได้อ้างและใช้เอกสารดังกล่าวแก่ผู้ใด จำเลยไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2529 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว ฉบับเลขที่ 29002971 อันเป็นเอกสารราชการของกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ที่มอบให้แก่นายมานพ โดยจำเลยกับพวกได้ร่วมกันแก้ไขชื่อ นามสกุล ที่อยู่ รูปถ่ายเป็นนายกริช เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่ทำปลอมขึ้นเป็นเอกสารทางราชการที่แท้จริงโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่แผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดอุตรดิตถ์ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ กรมตำรวจ ผู้อื่นหรือประชาชน ระหว่างวันที่ดังกล่าว จำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้อ้างเอกสารใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่ทำปลอมขึ้นโดยมอบให้แก่นายกริชเพื่อแสดงว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันยื่นขออนุญาตต่อทางราชการให้แก่นายกริชเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ โดยจำเลยกับพวกรู้อยู่แล้วว่าใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่ใช้อ้างแสดงเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้น ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายกริช แผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดอุตรดิตถ์ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้อื่นหรือประชาชนได้ เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2530 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลฉบับที่ 30002437 อันเป็นเอกสารราชการของกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ที่มอบให้แก่นายประสงค์โดยจำเลยกับพวกร่วมกันแก้ไขชื่อ นามสกุล ที่อยู่ รูปถ่ายของนายประสงค์เป็นของนายจำรัสเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าใบอนุญาตขับรถยนต์เป็นเอกสารราชการที่แท้จริง ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่แผนกยานพาหนะจังหวัดอุตรดิตถ์ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ กรมตำรวจ ผู้อื่นหรือประชาชน และในวันเวลาดังกล่าว จำเลยกับพวกร่วมกันใช้แสดงใบอนุญาตขับรถยนต์ที่ทำปลอมขึ้นโดยมอบให้แก่นายจำรัสเพื่อแสดงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันยื่นขอใบอนุญาตต่อทางราชการให้นายจำรัสเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ โดยจำเลยกับพวกรู้อยู่แล้วว่าใบอนุญาตขับรถยนต์เป็นเอกสารราชการที่ทำปลอมขึ้น ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายจำรัส แผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้อื่นหรือประชาชน เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลลับแลและตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เกี่ยวพันกัน พนักงานสอบสวนยึดใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลและใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอม (ที่ถูกเป็นผู้ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม) ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม (ที่ถูกฐานใช้เอกสารราชการปลอม) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 2 ปีข้อหาใช้เอกสารราชการปลอมให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ฎีการับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้ การขอมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ หรือใบอนุญาตขับรถยนต์กับการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถทั้งสองชนิดดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของแผนกทะเบียนยานพาหนะ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังที่กล่าวในฟ้อง จำเลยรับราชการอยู่ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะ สถานีตำรวจภูธรอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีหน้าที่เพียงรับค่าภาษีและต่ออายุทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ประจำปีเท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับทำใบอนุญาตขับรถและต่ออายุใบอนุญาตขับรถทุกชนิด ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวเอกสารหมาย จ.2 มีชื่อและภาพถ่ายของนายกริช และใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลเอกสารหมาย จ.5 มีชื่อและภาพถ่ายของนายจำรัสเป็นผู้ได้รับอนุญาต แต่ตามต้นขั้วที่เก็บรักษาไว้ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ มีชื่อและภาพถ่ายของนายมานพ และนายประสงค์เป็นผู้รับอนุญาตตามลำดับ จำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารใบอนุญาตขับรถทั้งสองฉบับอันเป็นเอกสารราชการ โดยการนำใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวเอกสารหมาย จ.2 ไปทำการแก้ไขชื่อ นามสกุล ที่อยู่และภาพถ่ายจากนายมานพเป็นนายกริช และนำใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล เอกสารหมาย จ.5 ไปทำการแก้ไขชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และภาพถ่ายจากนายประสงค์เป็นนายจำรัสสำหรับข้อหาความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรกประกอบมาตรา 265 ด้วยหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นผู้มอบใบอนุญาตขับรถทั้งสองฉบับให้แก่นายกริช และนายจำรัสตามลำดับ ถือได้ว่าเป็นการใช้เอกสารราชการปลอมแล้วนั้น โจทก์มีพยานมาเบิกความรวม 8 ปาก คือ ดาบตำรวจชวลิตดาบตำรวจวินัย ร้อยตำรวจเอกแสวงพันตำรวจเอกยงยุทธ นายกริช นายประสงค์ นายจำรัส และร้อยตำรวจเอกวิบูลย์ โดยดาบตำรวจชวลิต ดาบตำรวจวินัย ร้อยตำรวจเอกแสวง และนายกริช เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านในทำนองเดียวกันว่า หลังจากที่มีการจัดทำหรือต่ออายุใบอนุญาตขับรถเรียบร้อยแล้ว จะมีการนำใบอนุญาตขับรถใส่ไว้ในตะกร้าวางไว้บนเคาน์เตอร์หน้าที่ทำการแผนกทะเบียนยานพาหนะ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าของใบอนุญาตขับรถจะไปตรวจดูที่ตะกร้าดังกล่าว หากเห็นใบอนุญาตขับรถของตนเองก็สามารถหยิบเอาไปได้หรือผู้ใดจะไปรับแทนก็ได้ ไม่มีการทำหลักฐานการรับไว้ ในวันหนึ่ง ๆ มีผู้ไปติดต่อที่แผนกทะเบียนยานพาหนะ 100 คนเศษ ส่วนพันตำรวจเอกยงยุทธเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ผู้ไปรับใบอนุญาตขับรถต้องนำใบเสร็จรับเงินไปแสดงและขอรับใบอนุญาตขับรถจากเจ้าพนักงานตำรวจคนใดก็ได้ระหว่างดาบตำรวจชวลิตกับดาบตำรวจวินัย ส่วนนายประสงค์เบิกความถึงใบอนุญาตขับรถที่ตนเองไปขอทำแต่เพียงว่า นายประสงค์ไปขอทำใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์กับจำเลยที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอลับแล ครั้นในวันที่ไปรับใบอนุญาตขับรถกลับได้รับเป็นใบอนุญาตขับรถยนต์จากจำเลย นายประสงค์จึงคืนใบอนุญาตขับรถยนต์ดังกล่าวให้แก่จำเลยไปและต่อมาอีกหลายวันจึงได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว นายประสงค์ไม่ทราบเรื่องการปลอมใบอนุญาตขับรถ นายจำรัสเบิกความว่า นายจำรัสไปขอทำใบอนุญาตขับรถยนต์กับจำเลยที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอลับแล หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน พยานไปรับใบอนุญาตขับรถยนต์ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยไปรับกับเจ้าพนักงานตำรวจคนใดจำไม่ได้แล้วแต่ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.10 ที่นายจำรัสถูกพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายจำรัสให้การว่า นายจำรัสได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์จากจำเลย ส่วนร้อยตำรวจเอกวิบูลย์เป็นพนักงานสอบสวนคดีนี้ มิได้รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นว่า ในชั้นพิจารณาคดีอาญาของศาล หากจำเลยให้การปฏิเสธเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ต้องนำสืบพยานหลักฐานให้ศาลรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น ศาลจึงจะลงโทษจำเลยได้แต่จากคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งหมดดังกล่าว ไม่มีพยานปากใดเบิกความยืนยันว่า จำเลยเป็นผู้มอบใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวเอกสารหมาย จ.2 ให้แก่นายกริชและมอบใบอนุญาตขับรถยนต์เอกสารหมาย จ.5 ให้แก่นายจำรัส โดยเฉพาะนายกริชและนายจำรัสซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถปลอมมา และเคยถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาว่าปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องแล้วนั้น นายกริชเบิกความยืนยันว่า นายกริชจำไม่ได้ว่าไปรับใบอนุญาตขับรถจากเจ้าพนักงานตำรวจคนใด ในบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.8 ที่นายกริชถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาว่าปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม นายกริชก็ให้การไว้แต่เพียงว่าได้รับใบอนุญาตขับรถจากเจ้าหน้าที่โดยมิได้ระบุว่าได้รับจากจำเลย พยานหลักฐานที่ระบุว่า จำเลยเป็นผู้มอบใบอนุญาตขับรถจึงมีเพียงคำให้การในชั้นสอบสวนของนายจำรัสตามเอกสารหมาย จ.10 เท่านั้น แต่คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุน ทั้งยังขัดกับคำเบิกความของดาบตำรวจชวลิต ดาบตำรวจวินัย ร้อยตำรวจเอกแสวง และนายกริชเองที่เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านในทำนองเดียวกันว่า ใบอนุญาตขับรถใส่ไว้ในตะกร้าวางไว้บนเคาน์เตอร์หน้าที่ทำการแผนกทะเบียนยานพาหนะ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าของใบอนุญาตขับรถจะไปตรวจดูที่ตะกร้าดังกล่าว หากเห็นใบอนุญาตขับรถของตนเองก็สามารถหยิบเอาไปได้ หรือผู้ใดจะไปรับแทนก็ได้ คำให้การชั้นสอบสวนของนายจำรัสจึงไม่อาจรับฟังได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้เพียงว่า จำเลยเป็นผู้นำใบอนุญาตขับรถไปใส่ไว้ในตะกร้าเท่านั้น การที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้มอบใบอนุญาตขับรถให้แก่นายกริชและนายจำรัส จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกามีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (3) (ก) ประกอบมาตรา 247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 การที่จำเลยเพียงแต่นำใบอนุญาตขับรถไปใส่ไว้ในตะกร้า โดยจำเลยยังมิได้อ้างและใช้เอกสารดังกล่าวแก่ผู้ใด จำเลยไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน