แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนทางวินัย โดยเจตนาให้โจทก์ต้องถูกลงโทษทางวินัยแต่ระบุฟ้องว่าจำเลยแจ้งต่อ ส. ปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองไม่ปรากฏว่า ส. เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนโจทก์ทางวินัยแต่อย่างใด ฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญแห่งความผิดอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 137
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าพนักงานในการสืบสวนสอบสวนข้าราชการกระทำผิดวินัยแต่อย่างใด ในกรณีที่โจทก์ต้องหาว่าทำผิดวินัยร่วมมือกับนางเทียมจิตร พรหมสิงห์ เรื่องลักลอบขนย้ายข้าวสารออกนอกราชอาณาจักร และถูกจับ จำเลยบังอาจร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จโดยให้บันทึกถ้อยคำแก่นายสมพร กลิ่นพงษาปลัดจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง โดยเจตนาร้าย มุ่งให้โจทก์ต้องถูกลงโทษทางวินัย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗, ๘๓
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนมูลฟ้อง และวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าโจทก์รับราชการตำแหน่งอะไร และไม่ระบุว่านายสมพร กลิ่นพงษาเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนเรื่องใดจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่สอบสวนข้าราชการซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย เป็นการแจ้งต่อบุคคลทั่ว ๆ ไป แม้จำเลยจะกระทำการดังที่โจทก์ฟ้อง ก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ระบุฟ้องว่า จำเลยทั้งสามไปแจ้งแก่นายสมพรกลิ่นพงษามีตำแหน่งเป็นปลัดจังหวัดอุบลราชธานี และเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง การที่ไปแจ้งนี้จะถือว่าเป็นการแจ้งแก่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนโจทก์ทางวินัยได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่านายสมพร กลิ่นพงษา เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สอบสวนโจทก์ทางวินัยแต่อย่างใดฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญแห่งความผิดอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา ๑๓๗ เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
พิพากษายืน