คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งศาลฎีกา (895/2534) การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้ร้องถึงแก่ความตายในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธิของผู้ร้องจึงระงับไป ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องต่อไป ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับนายบุญชาญ นาคสุวรรณ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2527นายบุญชาญตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใดผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือตึกแถวและที่ดินซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้อื่น ตามโฉนดเลขที่ 72776 แขวงบางซื่อ เขตดุสิตกรุงเทพมหานครผู้ร้องติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขายบางส่วน นำเงินมาจัดการศพของนายบุญชาญและแบ่งปันมรดกระหว่างทายาท แต่เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าต้องให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกก่อนจึงจะดำเนินการได้ การจัดการมรดกขัดข้อง ผู้ร้องไม่เคยเป็นคนวิกลจริต ไม่เคยถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายแต่อย่างใด ทายาททุกคนยินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า นายบุญชาญทำพินัยกรรมให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก ที่ผู้ร้องอ้างว่านายบุญชาญไม่ได้ทำพินัยกรรมนั้นไม่เป็นความจริง ผู้คัดค้านเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เคยถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ทั้งไม่เคยถูกพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง แล้วมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนายบุญชาญผู้ตาย ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีได้ความว่า ผู้ร้องถึงแก่ความตายในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธิของผู้ร้องจึงระงับไปเพราะสิทธิการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องต่อไปให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้แก่ผู้ร้อง”

Share