แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายได้เดินมาพบกับผู้ตายด้วยกัน เมื่อพวกของจำเลยเข้าชกต่อยเตะทำร้ายผู้ตายจำเลยก็เข้าร่วมทำร้ายด้วย หลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยจะได้ทำร้ายผู้ตายไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลย ก็ย่อมถือว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการในการผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกับพวกอีกหลายคนชกต่อยและใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายนายธนู แววศรีเพริด โดยเจตนาฆ่าและจำเลยที่ ๒ มีปลอกกระสุนปืนชนิดต่าง ๆ ๕๒ ปลอก ไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓, ๙๑, ๓๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๗๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๑ ปรับคนละ ๕๐๐ บาท และจำเลยที่ ๒ ผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๗๒ ปรับอีก ๔๐๐ บาท ข้อหาตามมาตรา ๒๘๘, ๘๓ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ให้จำคุกคนละ ๕ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ผู้เดียวฎีกาว่า ไม่ได้ร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตาย หากฟังว่าจำเลยที่ ๒ ทำร้ายผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ ๒ ก็ไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้ตายตายเพราะการกระทำของผู้อื่น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ กับพวกเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน และก่อนเกิดเหตุ จำเลยที่ ๒ กับพวกที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายได้เดินมาพบกับผู้ตายด้วยกัน เมื่อพวกของจำเลยที่ ๒ เข้าชกต่อยเตะทำร้ายผู้ตาย จำเลยที่ ๒ ก็เข้าร่วมทำร้ายด้วย หลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยที่ ๒ กับพวกก็หลบหนีไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ ๒ กับพวกที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น ฉะนั้น แม้การตายของผู้ตายจะเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๒ เพียงแต่ทำร้ายผู้ตายไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม ก็ย่อมถือว่า จำเลยที่ ๒ เป็นตัวการร่วม มีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ที่จำเลยที่ ๒ อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๓/๒๕๙๓ ขึ้นเทียบเคียงไว้ ปรากฏว่าในคดีนั้นจำเลยต่างคนต่างทำร้ายผู้ตายและโจทก์ก็ไม่ได้ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยได้ร่วมสมคบกันทำร้าย ข้อเท็จจริงจึงแตกต่างกับคดีนี้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ มานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน