คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิเหนือพื้นดินเป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงจะสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย
โจทก์มีสิทธิสร้างบ้านในที่ดินของบุคคลอื่นตามที่เจ้าของอนุญาต แต่มิได้จดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเหนือพื้นดินที่สร้างบ้านนั้น และไม่มีทรัพยสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้น เมื่อบ้านที่โจทก์สร้างไว้ตกเป็นของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอะไรที่จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อบ้านออกไปจากที่ดินนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อสิทธิเหนือพื้นดินในที่ดินของวัดญวนสามเสนส่วนหนึ่งจากผู้มีสิทธิครอบครองอยู่เดิม โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสแล้ว และโจทก์ได้เข้าปลูกบ้านในที่นั้น ต่อมาสามีโจทก์ถูกฟ้องคดีแพ่ง และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดบ้านที่โจทก์ปลูกไว้ขายทอดตลาด จำเลยในคดีนี้เป็นผู้ประมูลซื้อได้และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิเหนือพื้นดินดังกล่าว จึงแจ้งให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป จำเลยไม่ยอมรื้อ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อ

จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และว่าโจทก์มีแต่สิทธิอาศัยและมิได้จดทะเบียนจึงใช้อ้างยันจำเลยไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ

โจทก์ฎีกาว่าสิทธิเหนือพื้นดินไม่เป็นทรัพยสิทธิและไม่ต้องจดทะเบียนฯ

ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธิเหนือพื้นดินนั้นได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 ลักษณะ 6 และเป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่งซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายดังที่มาตรา1298 บัญญัติไว้ และตามมาตรา 1299 ทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นจะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะสมบูรณ์ คดีนี้โจทก์มีสิทธิสร้างบ้านในที่ดินของวัดซึ่งเจ้าอาวาสอนุญาตแล้ว แต่ก็มิได้จดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์จึงหามีสิทธิเหนือพื้นดินที่สร้างบ้านนั้นไม่ และไม่มีทรัพยสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้น ทั้งบ้านที่ปลูกสร้างนั้นก็เป็นของจำเลย ไม่ใช่ของโจทก์แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิอะไรที่จะฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยรื้อบ้านออกไปได้

พิพากษายืน

Share