คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้โดยชอบแล้ว เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้เพื่อเป็นการปลดเปลื้องไม่ให้ลูกหนี้ต้องได้รับความเสียหายกฎหมายอนุญาตให้ผู้ชำระหนี้วางทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ และเมื่อวางทรัพย์แล้วย่อมหลุดพ้นจากหนี้ โดยลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ต่อไปอีกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 334 และ 335 แสดงว่า ลูกหนี้เท่านั้นมีสิทธิถอนทรัพย์ที่วางได้เมื่อจำเลยที่ 2 วางเงินเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ในอีกคดีหนึ่งและไม่ใช้สิทธิถอนทรัพย์เจ้าหนี้ในคดีอื่นจะยึดหรืออายัดเงินที่จำเลยที่ 2 วางเพื่อไปชำระหนี้รายอื่นไม่ได้และเมื่อการอายัดต้องห้ามตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการอายัดเงินแล้วไม่มีการจำหน่าย จึงเรียกค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้
คำร้องอ้างว่าการอายัดไม่ชอบและขอให้ถอนการอายัด เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,500 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีแล้ว

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์คดีนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีหมายเลขแดงที่ 10538/2539 อีกคดีหนึ่งคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบรถที่เช่าซื้อไปคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน1,347,157.32 บาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 111,600 บาท และชำระค่าเสียหายให้โจทก์ต่อไปอีกเดือนละ 12,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแต่ไม่เกิน 13 เดือน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 2 ขอชำระหนี้โจทก์ในคดีดังกล่าวแต่โจทก์ไม่ยอมรับชำระหนี้จำเลยที่ 2 จึงนำรถที่เช่าซื้อและเงินค่าเสียหายทั้งหมดรวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมเป็นเงิน 310,328 บาท ไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางและให้โจทก์ไปขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวต่อเจ้าพนักงาน สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่โจทก์ไม่ยอมรับรถที่เช่าซื้อคืน กลับใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกลั่นแกล้งจำเลยที่ 2 แถลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดเงินจำนวน 310,328 บาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ ทั้ง ๆ ที่หนี้ตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวสามารถที่จะแบ่งแยกหรือแบ่งส่วนการรับชำระหนี้ได้ จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ให้แก่โจทก์แล้ว 30,000 บาท แต่โจทก์มิได้แถลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบการที่โจทก์แถลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดหรืออายัดเงินดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งจำเลยที่ 2 มิให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ในคดีดังกล่าวให้เสร็จสิ้นตามเจตนาของจำเลยที่ 2 และโจทก์เจตนากลั่นแกล้งให้จำเลยที่ 2 เสียค่าฤชาธรรมเนียมเกี่ยวกับการยึดหรืออายัดเงินจำนวนดังกล่าว ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการส่งมอบเงินที่ยึดหรืออายัดให้แก่โจทก์และสั่งให้ถอนการยึดหรืออายัดเงินจำนวนดังกล่าวโดยให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมถอนการยึดหรืออายัดเงินจำนวนดังกล่าวและให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่เจ้าพนักงาน สำนักงานวางทรัพย์กลางในเรื่องที่ 87/2540 ต่อไป เพื่อที่โจทก์จะได้รับชำระหนี้ในคดีดังกล่าว

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการอายัดเงินแล้วส่งเงินคืนแก่เจ้าพนักงาน สำนักงานวางทรัพย์กลาง โดยให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัด

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังในเบื้องต้นได้ว่า ในคดีหมายเลขแดงที่ 10538/2539 ของศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบรถที่เช่าซื้อไปคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าขาดประโยชน์และค่าเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 2 ได้นำรถที่ศาลสั่งให้คืนพร้อมค่าเสียหายและค่าธรรมเนียมจำนวน 310,328 บาท ไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา เนื่องจากโจทก์ปฏิเสธไม่ยอมรับชำระหนี้ แต่โจทก์ไม่ยอมรับรถและเงินที่จำเลยที่ 2 วางไว้ จากนั้นโจทก์แถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีนี้อายัดเงินดังกล่าว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าโจทก์มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีนี้อายัดเงินที่จำเลยที่ 2วางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ในคดีดังกล่าวนำมาชำระหนี้ในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า เพื่อเป็นการปลดเปลื้องไม่ให้ลูกหนี้ต้องได้รับความเสียหายในเมื่อเจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ เมื่อลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้โดยชอบแล้ว กฎหมายอนุญาตให้ผู้ชำระหนี้วางทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้และเมื่อได้วางทรัพย์แล้วก็ย่อมเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้ ดังนี้ ลูกหนี้ก็ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ต่อไปอีกการวางทรัพย์จึงเป็นประโยชน์ทั้งแก่เจ้าหนี้ในอันที่จะได้รับชำระหนี้ และแก่ลูกหนี้ในอันที่จะหลุดพ้นจากหนี้และเมื่อวางทรัพย์แล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 334 บัญญัติว่า ลูกหนี้มีสิทธิจะถอนทรัพย์ที่วางนั้นได้และมาตรา 335 บัญญัติว่าสิทธิถอนทรัพย์นั้นตามกฎหมายศาลจะสั่งยึดหาได้ไม่ จึงเห็นได้ว่า ลูกหนี้เท่านั้นที่มีสิทธิจะถอนทรัพย์ที่วางไว้ได้ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 วางเงินไว้เพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 10538/2539 และไม่ใช้สิทธิถอนทรัพย์เจ้าหนี้ในคดีอื่นจะยึดหรืออายัดเงินที่จำเลยที่ 2 วางไว้ไปชำระหนี้รายอื่นย่อมไม่อาจทำได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการอายัดเงินแล้วส่งเงินคืนแก่เจ้าพนักงานสำนักงานวางทรัพย์กลางชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัดนั้น เห็นว่า เมื่อการอายัดเป็นการต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว กรณีนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอายัดเงินแล้วไม่มีการจำหน่ายตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5 ข้อ 4 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงเรียกค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามข้อนี้จากโจทก์มิได้

อนึ่ง คดีมีปัญหาตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ว่า การอายัดไม่ชอบและขอให้ถอนการอายัด จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท แต่โจทก์เสียตามทุนทรัพย์ในจำนวนเงินที่อายัดเป็นเงิน 7,857.50 บาท เกินไป 7,657.50 บาทจึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินนี้แก่โจทก์”

พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัดนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share